แบงก์ล้อมคอก”สกิมมิ่งบัตร ATM” งัดระบบจับพฤติกรรมผิดปกติ-ตั้งกรุ๊ปดูแล 24 ชม.
แบงก์ระดมสารพัดมาตรการ สกัดปัญหาสกิมมิ่งบัตรเอทีเอ็ม เจอพฤติกรรมใช้ผิดปกติ สั่งระงับไว้ก่อน ตั้งกลุ่มเกาะติดเข้ม24 ชั่วโมง ดูแลลูกค้าใกล้ชิด “คืนเงิน-ออกบัตรใหม่” รวดเร็ว เดินหน้าใช้ระบบชิปการ์ดแทนบัตรแม่เหล็กต้นปี′59
ภายหลังพบปัญหามิจฉาชีพแอบติดตั้งอุปกรณ์ที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อคัดลอกข้อมูล (สกิมมิ่ง) และบันทึกภาพรหัสบัตรเอทีเอ็ม เพื่อทำบัตรใหม่พร้อมกับถอนเงินออกจากบัญชี สร้างความเสียหายต่อบุคคลด้วยกันระบบเศรษฐกิจ ล่าสุด สกิมมิ่งก็ยังเกิดขึ้นเป็นระยะๆ
เจอก่อน – มิจฉาชีพได้นำอุปกรณ์เลียนแบบมาครอบติดช่องรับบัตรของตู้เอทีเอ็มธนาคาร กสิกรไทย เพื่อใช้สกิมมิ่งบัตร แต่มีผู้แจ้งความจับกุมผู้กระทำผิดได้ก่อนเกิดความเสียหาย
นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดปูดว่า ธนาคารได้เพิ่มระบบวิเคราะห์พร้อมด้วยตรวจสอบพฤติกรรมการใช้บัตรของลูกค้าที่ผิดปกติ สมมติพบพฤติกรรมการใช้บัตรที่ผิดไปจากการใช้งานปกติของลูกค้ารายนั้น ระบบก็จักสั่งระงับการทำธุรกรรมครั้งหลังจากนั้นทันที เพื่อให้ลูกค้าติดต่อกับธนาคารเพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้ง สมมติข้อมูลถูกต้องก็ปลดล็อกบัตรให้ หรือว่าถ้าลูกค้าต้องการจักเปลี่ยนบัตรใหม่ก็จักได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม
“ระบบวิเคราะห์นี้ อาจจักเพิ่มความไม่สะดวกบ้าง แต่ถ้าลูกค้าใช้งานตามปกติก็จะไม่มีผลกระทบ แลกกับการป้องกันปัญหาเรื่องสกิมมิ่งพร้อมทั้งสกัดกั้นความเสียหาย”
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เพิ่มรอบของฝ่ายตรวจสอบตู้เอทีเอ็มพร้อมด้วยกล้องวงจรปิด เพราะว่าประสานกับผู้จัดจำหน่ายตู้เอทีเอ็มเพื่ออัพเกรดอุปกรณ์อยู่เป็นระยะ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลของพฤติกรรมมิจฉาชีพระหว่างธนาคารพาณิชย์ด้วยกัน เพื่อร่วมกันสกัดปัญหานี้
ขณะที่การเปลี่ยนระบบบริการเอทีเอ็มจากรูปแบบแถบแม่เหล็กให้มาเป็นระบบชิปการ์ดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ขอความร่วมมือมานั้น นายทวี?กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารกำลังเตรียมความพร้อมทั้งการเปลี่ยนบัตรให้แก่ลูกค้าที่มีเกือบ 10 ล้านใบ รวมถึงปรับระบบตู้เอทีเอ็มกว่า 10,000 ตู้ให้รองรับชิปการ์ด คาดว่าจักพร้อมใช้งานได้เต็มที่ภายในปี 2558 ซึ่งตามกำหนด ธปท.ที่ให้บุกเบิกใช้ในปี 2559
“ปัญหาที่พบ คือต้นทุนค่าชิปการ์ดแพงมาก 2-3 เท่าตัวของค่าบัตร ถ้าเปลี่ยนบัตรทั้งหมดทุกวันนี้ ลูกค้าจักต้องแบกรับต้นทุนค่าบัตรถึง 500-600 บาท/ใบ เทียบกับปัจจุบันที่คิดปาง 200 บาท/ใบ ขณะเดียวกัน ตู้เอทีเอ็มที่รองรับชิปการ์ดก็ยังไม่ครอบคลุมเต็มที่ จึงไม่ยุติธรรมด้วยว่าลูกค้าที่ต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ความสะดวกกลับลดลง เราจึงมองว่ารอจังหวะใกล้ถึงกำหนดของ ธปท.แล้วค่อยเปลี่ยนระบบ ซึ่งหวังว่าเวลานั้นจะมีดีมานด์สั่งชิปการ์ดที่ท่วมท้นขึ้นกับกดต้นทุนให้ต่ำลงได้” นายทวีกล่าว
ด้านนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่าช่วง 7-8 ปีที่ทะลวงมา ธนาคารได้ตั้งหมู่งานเพื่อเข้ามาดูแลปัญหานี้เพราะว่าเฉพาะ เพราะว่าหมู่นี้จักทำงาน 7 วัน ตลอด 24 ชั่วโมงเปลี่ยนการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันต่ออาชญากร พร้อมกับที่สำคัญคือ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลูกค้าอย่างเร่งด่วน สมมุติพบเจอปัญหาสกิมมิ่งขึ้น ธนาคารจะรีบติดต่อลูกค้าให้รีบเปลี่ยนบัตรได้เพราะว่าเร็ว กับถ้าเสียหายก็จะได้รีบคืนเงินให้ลูกค้าได้
“ยอมรับตามตรงว่าไม่มีอะไรที่เชี่ยวชาญป้องกันหรือไม่ปลอดภัย100% แต่ยิ่งมีข้อมูลมากก็ยิ่งทำให้เราเรียนรู้ได้มาก การป้องกันไม่ใช่หรือแก้ปัญหาเรื่องนี้ทุกอย่างต้องเร็ว ทั้งแจ้งเตือนภัยกับคืนเงิน ซึ่งเราพัฒนาระบบมาโดยตลอด แต่ผู้ร้ายก็พัฒนาตัวเองจนเก่งขึ้นเรื่อยๆ เราก็ต้องพยายามตรวจสอบพร้อมทั้งทำเป็นจัดการได้ทันทีในการถูกสกิมมิ่งครั้งแรก กับไม่มีการทำซ้ำได้อีกเป็นครั้งที่สอง” นางกรรณิกากล่าว
ด้านนายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่ายอดบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ซึ่งเป็นบัตรเดียวในประเทศไทยที่เป็นระบบชิปอัจฉริยะปลอดภัยจากการถูกคัดลอกบัตรนั้น ณ สิ้นเดือน ส.ค. ที่ลอดมามีจำนวนบัตรแล้วเกือบ 4 ล้านใบ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากสิ้นปี 2556 ที่มีอยู่คร่าวๆ 2 ล้านใบ
“ที่พ้นมา เราพยายามสื่อสารให้ลูกค้าตระหนักถึงภัยรอบตัว พร้อมทั้งวิธีปกป้องเงินในบัญชีให้ปลอดภัย รวมถึงโปรโมตบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ที่ช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ เพราะว่าธนาคารได้จัดแคมเปญกระตุ้นให้ลูกค้าที่สมัครบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ภายในวันที่ 15 พ.ย. นี้ ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า 100 บาท พร้อมกับยังได้บริการ SMS แจ้งความเคลื่อนไหวของบัญชีฟรีอีก 2 เดือนด้วย” นายทวีลาภกล่าว
Comments
Powered by Facebook Comments