September 19, 2014,
Posted in Devices, News |
กว่าจะมาเป็น “ไอโฟน” จุดกำเนิดพร้อมกับความบังเอิญ
ก่อนที่ “ไอโฟน” จักโด่งดังเป็นพลุแตกพร้อมด้วยปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนอย่างทุกวันนี้ เคยสงสัยไหมว่า โทรศัพท์ฉลาด ๆ ของ “แอปเปิล” มีจุดเกริ่นต้นอย่างไร ในจังหวะที่ไอโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งเดินมาถึงไอโฟน 6 แล้วกำลังจักโหมโรง
ลองย้อนไปดูเรื่องราวของจุดกำเนิด “ไอโฟน” ที่ได้รับการเปิดพูด เพราะว่าสงครามกฎหมายระหว่างแอปเปิลพร้อมทั้งซัมซุง
“แอปเปิล” ต้องอนุญาตให้ “เกรก คริสตี้” วิศวกรผู้ร่วมออกแบบซอฟต์แวร์ของ “ไอโฟน” เปิดพูดข้อมูลการคิดค้นสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคำฟ้องร้อง กรณีที่ “ซัมซุง” ละเมิดสิทธิบัตรของบริษัท ใครจะรู้ว่าหนทางในการสร้างไอโฟนเครื่องแรกช่างทรหดอดทน ยาวนาน พร้อมกับเต็มไปด้วยขั้นตอนการเก็บความลับมากมาย ไม่ต่างจากหนังสายลับเลยทีเดียว
“เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล” รายงานว่า กุมภาพันธ์ ปี 2548 “สตีฟ จ็อบส์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “แอปเปิล” ในขณะนั้น ได้ยื่นคำขาดกับ “เกรก คริสตี้” วิศวกรซอฟต์แวร์ระดับอาวุโสของแอปเปิล (ซึ่งในเวลานี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มยูสเซอร์อินเตอร์เฟส) ด้วยเหตุที่คริสตี้และคณะงานของเขาล้มลุกคลุกคลานมาเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อวางรากฐานของซอฟต์แวร์ ซึ่งจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของไอโฟนแบบทุกวันนี้ รวมถึงออกแบบว่าจะให้ซอฟต์แวร์แต่ละส่วนทำงานด้วยกันอย่างไร
ในที่สุด ซีอีโอ “แอปเปิล” ต้องออกมาบอกกล่าวพวกเขาว่า มีเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ในการตีโจทย์ให้แตก ไม่อย่างนั้นจะโยกโปรเจ็กต์นี้ไปให้ฝ่ายอื่นทำแทน
“สตีฟน่าจักหมดความอดทนแล้ว เขาต้องการไอเดียพร้อมทั้งคอนเซ็ปต์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม” คริสตี้พูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
สิ่งที่ “คริสตี้” และคณะของเขาทำคือ คิดค้นฟังก์ชั่นการทำงานหลายอย่างของไอโฟน เช่น ฟังก์ชั่นการใช้นิ้วสไลด์จอเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์, การกดโทร.ได้ทันทีจากสมุดโทรศัพท์ (ในเครื่อง) รวมถึงโปรแกรมเล่นเพลงแบบสั่งการด้วยหน้าจอสัมผัส
ดังนั้น “ไอโฟน” รุ่นแรกจึงเป็นการโละแป้นพิมพ์ทิ้ง แทนที่ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่สุดทันกาลเวลารองรองรับระบบสัมผัส และใช้ระบบปฏิบัติการที่ละม้ายคล้ายคลึงกับโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์มากกว่าระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์มือถือ
ก่อนหน้านี้ “คริสตี้” เข้ามาทำงานกับแอปเปิลตั้งแต่ปี 2539 เพื่อพัฒนาโปรแกรม “นิวตัน” อุปกรณ์ไอทีที่ทำหน้าที่เป็นเลขาฯส่วนตัว มาพร้อมหน้าจอสัมผัสที่ต้องใช้คู่กับปากกาสไตลัส แต่นิวตันยังเป็นของใหม่เกินไปเกี่ยวกับตลาดในเวลานั้น มันทั้งใหญ่ ทั้งแพง ด้วยกันมีซอฟต์แวร์ที่ไม่ตอบสนองการใช้งานเท่าที่ควร
แม้นิวตันจักทะลุทะลวงมาแล้วก็ทะลุไป แต่ความสนใจของคริสตี้ในการสร้างอุปกรณ์ประมวลผลคอมพิวเตอร์ขนาดเหมาะกับกระเป๋าเสื้อ (ไม่ก็กระเป๋ากางเกง) ยังไม่เละบือนหายไปไหน
จนกระทั่งอีก 8 ปีต่อมา ระหว่างที่เขากำลังทำงานด้านซอฟต์แวร์เครื่องแมคอินทอชของแอปเปิล “สก็อต ฟอร์สตอลล์” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มซอฟต์แวร์ระดับอาวุโสในเวลานั้นก็เดินเข้ามาหา พร้อมทั้งชักชวนให้คริสตี้เข้ามาทำงานในโปรเจ็กต์ลับที่มีชื่อว่า “เพอร์เพิล” เพราะว่าคณะของโปรเจ็กต์นี้จะร่วมกันพัฒนาโทรศัพท์ที่สามารถใช้เป็นเครื่องฟังเพลงได้ พร้อมกับใช้งานด้วยระบบหน้าจอสัมผัส
ช่วงนั้น “สตีฟ จ็อบส์” เข้ามาคืนชีพ “แอปเปิล” แล้ว ด้วยกันกำลังให้ความสำคัญกับสายผลิตภัณฑ์หลักแค่ไม่กี่ตัว
หนึ่งในนั้นคือสายสินค้า “ไอพอด” ซึ่ง “เกรก จอสเวียค” รองประธานด้านการตลาดของไอโฟนด้วยกันผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไอโอเอสมองเห็นหนังสือสัญญาณว่า ผู้ผลิตรายอื่นที่สร้างโทรศัพท์ผสมผสานกับเครื่องเล่นเพลงถือเป็นภัยด้วยว่าไอพอด
“คริสตี้” ให้สัมภาษณ์ว่า หมู่งานต้องพยายามคิดว่าความเร็วในการเลื่อนหาบัญชีระเบียนโทรศัพท์ต้องกะเท่าไรจึงจักเหมาะสมที่สุด พร้อมด้วยต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้การเด้งภาพกลับมาภายหลังผู้ใช้เลื่อนลงจนสุดหน้าจอดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ กลุ่มของเขายังหัวชนฝาเกี่ยวกับการหาทางเปลี่ยนข้อความตัวอักษรที่เคยเรียงแยกกันตามลำดับเวลามาเป็นกล่องข้อความสนทนาแบบแยกเป็นส่วน ๆ ที่คล้ายกับโปรแกรมส่งข้อความสนทนาบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญพวกของเขายังมีขนาด “เล็กจนน่าใจหาย” อีกด้วย
เขายังต้องทำพรีเซนเทชั่นเสนอให้ “จ็อบส์” ฟังเดือนละสองหนเป็นเวลาติดต่อกันหลายต่อหลายเดือนในห้องไร้หน้าต่างที่ชั้นสองของบริษัทแม่แอปเปิลในแคลิฟอร์เนีย ห้องนั้นมีพ่างพนักงานไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์เหยียบย่างเข้าไป พร้อมด้วยแม้แต่พนักงานทำความสะอาดก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปได้ ภายหลังฝ่ายของคริสตี้เชี่ยวชาญทำให้ “จ็อบส์” ประทับใจกับซอฟต์แวร์ไอโฟนของพวกเขาได้ เขาก็ต้องไปพรีเซนต์ให้ “บิล แคมป์เบลล์” หัวหน้าของแอปเปิลฟังอีกที
“คริสตี้” จำได้ว่า บิล แคมป์เบลล์ ชมว่าโทรศัพท์ตัวนี้จักทำผลงานได้ดีกว่าเครื่องแมคเครื่องแรกเสียอีก 2-3 วันหลังจาก “จ็อบส์” เห็นดีด้วย เขาก็เรียกคณะของคริสตี้เข้ามาพรีเซนต์อีกครั้ง เพราะให้ “โจนี่ ไอฟ์” หัวหน้าฝ่ายออกแบบของแอปเปิลเข้ามาร่วมฟังด้วย ซึ่งเหล่าของเขานี่เองที่เป็นผู้ออกแบบกระจกที่จะมีการนำมาใช้กับไอโฟน
หัวหน้าฝ่ายออกแบบของแอปเปิลค่อนข้างสงสัยในประเด็นที่ว่า คณะซอฟต์แวร์พัฒนาฟีเจอร์ที่ดูน่าอัศจรรย์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร ขณะที่ “จ็อบส์” ทำหน้าที่ปะติดปะต่อเรื่องราวไอโฟนในสไตล์ของตนเอง แต่ที่สำคัญกว่าคือเขาตื่นเต้นกับไอโฟนเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน “สตีฟ จ็อบส์” ต้องการเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับที่สุด เขาสั่งให้พนักงานทุกคนทำงานกับโปรเจ็กต์นี้จากที่บ้าน และใช้คอมพิวเตอร์ที่วางเอาไว้ในส่วนที่ไม่เคยมีคนเดินสร้างผ่าน เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเห็นรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เพราะว่าบังเอิญ นอกจากนี้ ไฟล์ภาพทั้งหลายเกี่ยวกับโครงการนี้ก็ต้องเข้ารหัสเอาไว้ทั้งหมดด้วย
ในที่สุดในช่วงต้นปี 2548 “แอปเปิล” ไฟเขียวให้โปรเจ็กต์นี้ พร้อมด้วยเป็นจุดตั้งต้นต้นในการทำงานมาราธอนนาน 2 ปีครึ่ง
“คริสตี้กับกลุ่มงาน” ต้องนั่งคิดกันตั้งแต่จักให้ผู้ใช้เช็กวอยซ์เมล์อย่างไร จักทำให้ปฏิทินปรากฏในรูปแบบไหน ซึ่งซีอีโอแอปเปิลในตอนนั้นจู้จี้กับทุกรายละเอียด
จนในช่วงปลายปี 2549 ไม่กี่เดือนก่อนที่ “จ็อบส์” จักเปิดตัวไอโฟนอย่างเป็นทางการ เขาก็เรียกคริสตี้ไปปรึกษาว่า จักเอาอัลบั้มรูปอะไรเกี่ยวกับไปโชว์ฟังก์ชั่นเลื่อนภาพในไอโฟน (ต้องเป็นภาพที่มีสีสดพร้อมทั้งมีหน้าคนในภาพเยอะ ๆ เพื่อโชว์ให้เห็นศักยภาพของหน้าจอ)
ส่วนเรื่องเพลงที่เปิดโชว์ “จ็อบส์” ล๊อกเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นเพลง “Sgt.Pepper”s Lonely Hearts Club Band” ของวงเดอะบีทเทิลส์ 6 เดือนหลังจากการเริ่มไอโฟนพร้อมทั้งกำลังเตรียมวางจำหน่าย “คริสตี้พร้อมทั้งเหล่าของเขา” ยังคงต้องปรับแก้ฟังก์ชั่นต่าง ๆ เป็นระยะ แต่ช่วงเวลาที่เขาจำได้แม่นที่สุดคือตอนที่เขาได้เห็น “จ๊อบส์” ยืนอยู่บนเวที ม่านด้านหลังค่อย ๆ เลื่อนเปิดออก ด้วยกันปรากฏให้เห็นภาพหน้าจอโฮมสกรีนของ “แอปเปิล” เด่นเป็นสง่าขึ้นมาในห้องมืด
มันทำให้เขาตระหนักได้ว่า “ไอโฟน” เกิดขึ้นนักแล้ว พร้อมกับกำลังจักเป็นเรื่องใหญ่ในอีกไม่ช้า ซึ่งจากวันที่ไอโฟนวางตลาดในเดือนมิถุนายน 2550 จนถึงวันนี้ มันมียอดขายรวมกันถึง 470 ล้านเครื่องทั่วโลก
ที่มา: http://hitech.sanook.com/1391561
Comments
Powered by Facebook Comments