เปิดเป็น Airplane Mode หรือปิดเครื่องขณะทำการชาร์จแบตเตอรี่
สำหรับเทคนิคนี้ คาดกันว่า บางท่านคงจะทราบกันมาบ้างแล้ว แม้ว่า แท็บเล็ต หรือ สมาร์ทโฟน จะอยู่ในโหมด สแตนบายด์ แต่ก็ยังมีการใช้ พลังงานแบตเตอรี่เล็กน้อย แต่เมื่อใดที่เราเปิดเป็น Airplane Mode จะเป็นการปิดการใช้พลังงานในส่วนนั้นนั่นเอง และจะทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นครับ แต่ถ้าอยากจะทำให้ชาร์จเร็วขึ้นกว่าเดิม ให้ปิดเครื่องขณะชาร์จ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ควรใช้ที่ชาร์จแบบ Wall Charger แทนการชาร์จกับ คอมพิวเตอร์
แม้ว่าการใช้ที่ชาร์จแบบ Wall Charger และการเสียบสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เหมือนกัน แต่ที่ชาร์จแบบ Wall Charger นั้น จะสามารถชาร์จไฟเข้าได้เร็วกว่า ซึ่งปกติ การชาร์จกับคอมพิวเตอร์ จะให้กำลังไฟแค่ 0.5 แอมป์ แต่ถ้าหากชาร์จกับไฟบ้าน สำหรับสมาร์ทโฟน จะให้กำลังไฟแรงกว่าที่ 1 แอมป์ ส่วนแท็บเล็ต จะอยู่ที่ 2 แอมป์ ถ้าหากมีเวลาว่างๆ ลองเปรียบเทียบการชาร์จ 2 แบบกันดูนะครับ
ชาร์จผ่านพอร์ต USB บนอุปกรณ์ Mac (เฉพาะ iPhone และ iPad)
สำหรับท่านที่ไม่ได้นำที่ชาร์จแบบ Wall Charger ติดตัวมา ให้ชาร์จผ่านพอร์ต USB บนอุปกรณ์ Mac (เฉพาะ iPhone และ iPad) กันดูนะครับ เนื่องจากอุปกรณ์ Mac รุ่นใหม่ๆ จะให้กำลังไฟแรงกว่า ที่ 1.1 แอมป์
ใช้โปรแกรม เร่งการชาร์จให้เร็วขึ้น
สำหรับ ASUS จะมีโปรแกรม ที่มีชื่อว่า Ai Charger ซึ่งเร็วกว่าการชาร์จแบบธรรมดาถึง 50% เนื่องจากโปรแกรมตัวนี้ ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับ motherboards นั่นเอง แต่อย่าลืมว่า ควรจะใช้โปรแกรมแบบ Official นะครับ ห้ามใช้ของเถื่อนโดยเด็ดขาด
ใช้ ChargeDr
ChargeDr คือ ตัวเร่งการชาร์จแบบ USB ที่ช่วยเพิ่มกระแสไฟสำหรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB บนคอมพิวเตอร์ ให้มากขึ้นนั่นเอง โดยราคาของ ChargeDr อยู่ที่ $20 หรือราวๆ 640 บาท
ใช้หัวชาร์จ USB แบบ 2 หัว
สาย microUSB ที่สามารถเชื่อมต่อพอร์ต USB ได้ 2 หัว จะช่วยเพิ่มปริมาณแอมป์ได้ 2 เท่าครับ ถ้าหากใครมีเวลาน้อยที่จะชาร์จแบต แถมลืมเอาที่ชาร์จแบบ Wall Charger ติดมา ลองใช้สาย USB แบบนี้กันดู
Comments
Powered by Facebook Comments