ดีไซน์ และการออกแบบ
สำหรับดีไซน์ของ iPhone 6S และ iPhone 6 นั้น ต้องบอกว่า แทบจะไม่แตกต่างกันเลยเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่ถ้าหากวัดขนาดกันตรงๆ แล้ว iPhone 6S ตัวเครื่องหนากว่าเล็กน้อย จากเดิม 6.9 มม. บน iPhone 6 มาเป็น 7.1 มม. บน iPhone 6S อีกทั้งยังมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นเดิมอีกด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะ เทคโนโลยี Force Touch ที่เพิ่มเข้ามา รวมไปถึง Taptic Engine ชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ให้เกิดการสั่น นั่นเอง
โดยทั้ง iPhone 6S และ iPhone 6 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น แต่สิ่งที่ทำให้ iPhone 6S ล้ำหน้ากว่า นั่นก็คือ Force Touch และฟีเจอร์ 3D Touch สำหรับแยกน้ำหนักของแรงกดบนหน้าจอ เพื่อให้เกิดการตอบสนองในรูปแบบต่างๆ
ระบบประมวลผล
iPhone 6S มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A9 แบบ 64-bit และ M9 หน่วยประมวลผลร่วม ซึ่งอัปเกรดจากชิปเซ็ต Apple A8 บน iPhone 6 ที่ทาง แอปเปิลเผยว่า Apple A9 นั้น เร็วกว่า A8 ถึง 70% ส่วนในด้านการประมวลผลภาพกราฟิก ก็เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 90% เลยทีเดียว
กล้องถ่ายรูป
นับว่า iPhone 6S รุ่นนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านกล้องถ่ายรูปครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เปิดตัว iPhone 4S เป็นต้นมาเลยก็ว่าได้ ด้วยการอัปเกรดจากกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มาเป็น 12 ล้านพิกเซล รวมไปถึง กล้องด้านหน้า ที่อัปเกรดจาก 1.2 ล้านพิกเซล เป็น 5 ล้านพิกเซลแล้ว แถมด้วยไฟแฟลชแบบ Retina Flash ที่อาศัยประโยชน์จากหน้าจอ Retina บวกกับการปรับแต่งอีกเล็กน้อย ทำให้จอภาพยิงแฟลชได้สว่างกว่าปกติถึง 3 เท่า
ไม่เพียงเท่านั้น iPhone 6S ยังรองรับการถ่ายคลิปวีดีโอ ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4K รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Live Photos ด้วยการเปลี่ยนภาพนิ่ง ให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ iPhone 6 ไม่สามารถทำได้
แบตเตอรี่
สิ่งที่สร้างความผิดหวังให้กับผู้ใช้เล็กน้อย ก็คงจะเป็นเรื่องแบตเตอรี่ ที่ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า iPhone 6Sมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุน้อยกว่า iPhone 6 จากเดิม 1810 mAh เหลือ 1715 mAh แต่ทางแอปเปิล ก็ได้เผยรายละเอียดไว้ในสเปคว่า iPhone 6S สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานเท่ากับ iPhone 6 ทั้งนี้ เป็นเพราะชิปเซ็ต Apple A9 ที่ทำให้ตัวเครื่องประหยัดพลังงานได้มากขึ้นกว่าเดิม และไม่กินแบต แต่สุดท้าย ก็ยังมีสาวกบ่นน้อยใจว่า แค่ทำแบตเตอรี่ความจุเยอะๆ มาให้ มันยากตรงไหนกัน??
เมื่อดูจากตารางเปรียบเทียบข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่า iPhone 6S น่าจะเป็นรุ่นที่ถูกอัปเกรดมากที่สุด เท่าที่เคยมีการเปิดตัว iPhone มาเลยก็ว่าได้ ทั้งเทคโนโลยีหน้าจอแบบ Force Touch และ 3D Touch, ปรับปรุงเซ็นเซอร์ของกล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ รวมไปถึงคุณสมบัติในการรองรับเครือข่าย 4G LTE ที่รองรับมากขึ้นกว่าเดิม
หลายๆ ท่านคงจะสงสัยว่า ถ้าหากถือ iPhone 6S และ iPhone 6 ไปด้วยกัน จะแยกความแตกต่างภายนอกได้อย่างไรว่า คือรุ่นไหน สิ่งเดียวที่จะแยกความแตกต่างกันได้ ก็คงจะเป็น สีตัวเครื่อง ที่ iPhone 6S ได้เพิ่มสีใหม่ ชมพู Rose Gold เข้ามา ส่วนด้านหลังตัวเครื่อง ก็มีการระบุตัว S อย่างชัดเจนอีกด้วย สำหรับราคา iPhone 6S ก็คงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า จะเคาะราคาจำหน่ายในไทย แพงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
Comments
Powered by Facebook Comments