วันครู นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญเพื่อระลึกถึงความสำคัญของครู โดยในประเทศส่วนใหญ่เป็นวันหยุดของครูและนักเรียน บางแห่งมีการเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติและจัดงานเลี้ยงสำหรับครู ซึ่งการเฉลิมฉลองก็จะแตกต่างกันแต่ละประเทศและแตกต่างจากวันครูโลกที่จะมีการเฉลิมฉลองในวันที่ 5 ตุลาคม ของทุกปี
แนวคิดเรื่องการเฉลิมฉลองในวันครูนั้นมีต้นกำเนิดมาจากหลายประเทศในช่วงศตวรรษที่ 20 ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเฉลิมฉลองให้กับกับผู้ที่ให้การศึกษาของแต่ละสถาบัน หรือจัดในวันที่มีเหตุการณ์สำคัญทางการศึกษา อาทิ ประเทศอาร์เจตินา มีการไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของประธานาธิบดี Domingo Faustino Sarmiento และเป็นนักเขียนชาวอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1915 ในขณะที่ประเทศอินเดียได้มีการเฉลิมฉลองวันเกิดของ ดร. สรวปัลลี ราธากฤษณัน ประธานาธิบดีคนที่สองของอินเดีย ฉะนั้นเหตุผลหลักที่ประเทศต่างๆ จึงมีการจัดวันครูที่แตกต่างกันและแตกต่างจากวันครูสากล
รวมเรียงความวันครู: http://guru.sanook.com/27945/
ประวัติวันครู
วันครู ถูกจัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ที่ระบุว่าให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการ มีชื่อเรียกว่า คุรุสภา มีสถานะเป็นนิติบุคคลและให้ครูทุกคนเป็นสมาชิก โดยสภาแห่งนี้จะทำหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูและในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นในเรื่องนโยบายการศึกษา ตลอดจนวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนั้นยังมีหน้าที่ในการจัดสรรให้มีสวัสดิการแก่ครูและครอบครัวให้ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร รวมถึงส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครูอีกด้วย เหตุนี้เอง ในทุกๆ ปีคุรุสภาจะมีจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศพูดถึงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดให้ซักถามปัญหา ข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานคุรุสภา โดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัยเหล่านั้น ซึ่งสถานที่สำหรับจัดการประชุมในสมัยนั้น จะใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ในระยะต่อมาก็ได้มีการย้ายสถานที่ประชุมเป็นหอประชุมของคุรุสภา
ปี พ.ศ. 2499 ภายในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า “ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า “วันครู” ควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้ แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง”
จากแนวความคิดนี้ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม กอรปกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและช่องทางอื่นๆ ที่ต่างก็เรียกร้องให้มี วันครู เพื่อเป็นการรำลึกนึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันนี้เองที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มี วันครู เพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอในหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมความสามัคคีธรรมระหว่างครู และเพื่อเป็นการส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน จนกระทั่งถึงเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น วันครู โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครู อีกทั้งยังได้ให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวด้วย
การจัดงานวันครู
การจัดงานวันครูถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 โดยใช้พื้นที่ส่วนกลางของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นสถานที่จัดงาน โดยในงานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูแก่อนุชนรุ่นหลังทุกๆ ปี ซึ่งอนุสรณ์ที่สำคัญ คือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ แต่ในปัจจุบันงานวันครูได้ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้กิจกรรมไหว้ครูและกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นการรูปแบบงานไหว้ครูในปัจจุบันก็จะมีกิจกรรมเด่นๆ อยู่ 3 ประเภทใหญ่ อันประกอบไปด้วย
- มีกิจกรรมทางศานา
- มีพิธีรำลึกถึงครูบาอาจารย์ โดยมีพิธีปฏิญาณตน รวมไปถึงการกล่าวระลึกถึงพระคุณของครู
- มีกิจกรรมที่จัดเพื่อสร้างความสามัคคีระหว่างผู้ปกครองและครู โดยอาจจะเป็นการแข่งขันกีฬาเพื่อความสามัคคี หรืองานเฉลิมฉลองอื่นๆ