ออร์ริจี้ฮีโร่!เบลเยียมโหดเชือดหมีขาวหวิวผลบอล 1-0 ทะลุรอบ 16 ทีม

น.31 เบลเยียม ต้องถอดเอา โธมัส แฟร์มาเล่น ออก หลังเจ้าตัวบาดเจ็บมาตั้งแต่ช่วงวอร์มก่อนลงสนาม แต่ก็ฝืนลงสนามจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ยาน แฟร์ตองเก้น ลงมาประจำการที่แบ็กซ้ายแทน

น.38 เดนิส กลูชาคอฟ รับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมนี้ หลังไปยกเท้าสูงใส่ ดรีส์ เมอร์เท่น แบบไม่ระวังตัว

ท้ายครึ่งแรกยังคงมีจังหวะการทำประตูกันเพิ่มอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครจบสกอร์ได้สำเร็จ หมดเวลาทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 0-0

กลับมาช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 54 อักเซิล วิตเซล โดนเหลืองเป็นคนแรกของ เบลเยียม หลังเจ้าตัววิ่งไปดึง โอเล็ก ชาตอฟ จนล้มในจังหวะที่พยายามจะเลี้ยงหนีจนล้มลง

น.57 เบลเยียม ต้องแก้เกมถอด โรเมลู ลูกากู ที่เกมนี้แทบไม่ได้มีการสับไกมากเท่าที่ควรออกไปพัก แล้วส่ง ดิว็อค ออร์ริจี้ ลงสนามมาเล่นในแดนหน้าแทน

น.62 รัสเซีย ต้องถอด อเล็กเซ คอสลอฟ ออก หลังได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง อังเดร เยสเชนโก้ ลงสนามแทน

น.73 โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ โดนใบเหลืองบ้าง หลังพุ่งไปเสียบใส่ มักซิม คานันนิคอฟ ในจังหวะที่แย่งบอลกันตรงข้างสนาม

น. 74 เบลเยียม ทนไม่ไหวต้องส่ง เควิน มิราลาส ลงสนามเป็นคนสุดท้าย ให้มาช่วยทำเกมทางริมเส้นแทนที่ของ ดรีส์ เมอร์เท่น

น.80 รัสเซีย น่าจะได้ประตูขึ้นนำสุดๆ เมื่อ  ลากมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนตัดสินใจแทงออกขวาให้ อังเดร เยสเชนโก้ ที่วิ่งเติมเข้ามาจัดการซัดเต็มข้อ แต่บอลพุ่งเฉี่ยวเสาไกลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย สกอร์ยังเป็น 0-0

น.83 “หมีขาว” เปลี่ยนตัวเพิ่มส่ง อลัน ซาโกเยฟ ลงสนามมาช่วยเกมรุกของทีม โดยลงสนามมาแทนที่ของ โอเล็ก ชาตอฟ

น.84 เบลเยียม มาได้ฟรีคิกทางฝั่งขวา เควิน มิราลาส วิ่งมาปั่นด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งเรียดผ่านกำแพงพุ่งชนเสาเต็มๆ กระดอนออกมาซะก่อน ชวดโอกาสได้ประตูไปอย่างน่าเสียดาย

โปรแกรมบอลในที่สุดก็มีประตูแรกของเกมเสียที ในนาทีที่ 88 เมื่อ ดีว็อค ออร์ริจี้ จ่ายให้ เอแด็น อาซาร์ ที่เติมด้านข้างให้เจ้าตัวลากตัดเข้าเขตโทษไปจนถึงเส้นหลัง ก่อนที่ อาซาร์ จะจ่ายคืนกลับมาให้ ออร์ริจี้ ที่รออยู่จัดการแปด้วยขวาเน้นๆ ผ่านมือ อิกอร์ อคินเฟเยฟ เข้าไปตุงตาข่าย เบลเยียม ขึ้นนำ 1-0

หลังเสียประตู รัสเซีย ส่ง อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ ลงเป็นคนสุดท้ายแทน อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ เพื่อลุ้นตีเสมอให้ได้โดยเร็ว

ช่วงท้ายเกม “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เกือบได้ประตูที่สอง เมื่อ อาซาร์ ลากตัดมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนแทงให้ เควิน มิราลาส ที่รอยอยู่ทางขวาในเขตโทษได้ซัด แต่เบาเกินไปถูก อิกอร์ อคินเฟเยฟ ปัดออกข้างไว้ได้อย่างว่องไว

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทำประตูกันได้ หมดเวลา เบลเยี่ยม เอาชนะ รัสเซีย ไปได้ 1-0 ส่งผลให้ทีมเก็บเพิ่มเป็น 6 คะแนน รั้งอันดับ 1 ของ กลุ่มเอช ต่อไป และจากชัยชนะนัดนี้ทำให้ทีมผ่านเข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ส่วนโปรแกรมถัดไปของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” จะพบกับ เกาหลีใต้ ในวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน ขณะที่ รัสเซีย จะเจอกับ แอลจีเรีย ในวันเดียวกันต่อไป

รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติเบลเยี่ยม (4-2-3-1) :
ธีโบต์ กูร์กตัวส์ – โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, โธมัส แฟร์มาเล่น (ยาน แฟร์ตองเก้น น.31) – อักเซิล วิตเซล, มารูยาน เฟลไลนี่ – ดรีส์ เมอร์เท่น (เควิน มิราลาส น.74), เควิน เดอ บรุนด์, เอแด็น อาซาร์ – โรเมลู ลูกากู (ดีว็อค ออร์ริจี้ น.57)
ผู้เล่นสำรอง
ซิมง มินโญ่เล่ต์ – แซมมี่ บอสซุส – นิโคล่าส์ ลอมบาร์ต – แอนโธนี่ ฟานเดน บัวร์ – โลร็อง ซิมาน – สตีเว่น เดฟูร์ – มุสซ่า เดมเบเล่ – อัตนาน ยานูซาย – นาดเซอร์ ชาดลี่

รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติรัสเซีย (4-2-3-1) :
อิกอร์ อคินเฟเยฟ – อเล็กเซ คอสลอฟ (อังเดร เยสเชนโก้ น.62), วาซิลี่ เบเรซุสกี้, เซอร์เก อิ๊กนาเซวิช, ดมิทรี่ กอมบารอฟ – เดนิส กลูชาคอฟ, วิคตอร์ ฟายซูอิน – อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ (อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ น.89), โอเล็ก ชาตอฟ (อลัน ซาโกเยฟ น.83), มักซิม คานันนิคอฟ – อเล็กซานดาร์ โกโกริน
ผู้เล่นสำรอง
ยูรี่ โลดิกิน – เซอร์เก ไรซีคอฟ – จอร์จี้ เชนนิคอฟ – อังเดร เซเมนอฟ – วลาดิเมียร์ กรานัต – อิกอร์ เดนิซอฟ – พาเวล โมจิเลเวทส์ – ยูริ เซอร์คอฟ – อเล็กเซ โลนอฟ