วิเคราะห์ฟุตบอลโลก “บราซิล-เยอรมนี”

วิเคราะห์บอล บราซิล – เยอรมนี
วัน: อังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557 เวลา: 03.00 น.
สนาม: เอสตาดิโอ มิเนเรา
ผู้ตัดสิน: มาร์โก โรดริเกซ (เม็กซิโก)
สภาพอากาศ: 18-24 °C, มีเมฆบางส่วน
ถ่ายทอดสด: ช่อง 7, CH 8, WC Channel, True 99, True 668

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

บราซิล
4/7/14 ฟุตบอลโลก บราซิล 2-1 โคลอมเบีย
28/6/14 ฟุตบอลโลก บราซิล 1-1 ชิลี
23/6/14 ฟุตบอลโลก แคเมอรูน 1-4 บราซิล
17/6/14 ฟุตบอลโลก บราซิล 0-0 เม็กซิโก
12/6/14 ฟุตบอลโลก บราซิล 3-1 โครเอเชีย

เยอรมนี
4/7/14 ฟุตบอลโลก ฝรั่งเศส 0-1 เยอรมนี
30/6/14 ฟุตบอลโลก เยอรมนี 0-0 แอลจีเรีย
26/6/14 ฟุตบอลโลก สหรัฐฯ 0-1 เยอรมนี
21/6/14 ฟุตบอลโลก เยอรมนี 2-2 กานา
16/6/14 ฟุตบอลโลก เยอรมนี 4-0 โปรตุเกส

ผลงานการพบกัน 5 นัดหลังสุด
10/8/11 กระชับมิตร เยอรมนี 3-2 บราซิล
25/6/05 คอนเฟดฯคัพ เยอรมนี 2-3 บราซิล
8/9/04 กระชับมิตร เยอรมนี 1-1 บราซิล
30/6/02 ฟุตบอลโลก เยอรมนี 0-2 บราซิล
24/7/99 คอนเฟดฯคัพ บราซิล 4-0 เยอรมนี

ความพร้อม-สภาพทีม

บราซิล
หลุยซ์ กุสตาโวพ้นโทษแบนกลับมารับหน้าที่ตัดเกมกลางสนามได้แล้ว และน่าจะเป็นแฟร์นานดินโญ่ที่ได้ยืนเป็นคู่หูของเขาในนัดนี้ โดยเปาลินโญ่ต้องหลุดไปเป็นสำรองอีกครั้ง ส่วนแนวรับหมดสิทธิ์ใช้งานติอาโก้ ซิลวา เซ็นเตอร์แบ็กกัปตันทีม ที่โดนเหลืองทีสองไปในนัดก่อน ทำให้ดันเต้จะได้ลงมาเล่นคู่กับดาวิด หลุยซ์แทน ขณะที่ไมคอนน่าจะยังเบียดดานี่ อัลเวสลงยืนเป็นแบ็กขวาอีกนัด และแบ็กซ้ายยังเป็นมาร์เซโล่ โดยมีชูลิโอ เซซาร์ลงเฝ้าเสา ส่วนตำแหน่งของเนย์มาร์ที่อดลงช่วยทีมอีกในสองนัดที่เหลือ คงจะเป็นวิลเลี่ยนที่ได้รับเลือกเหนือเบอร์นาร์ดให้ลงมาทำหน้าที่แทนในฐานะตัวขึ้นเกมฝั่งซ้าย โดยฝั่งขวาจะยังเป็นฮัลค์ และมีออสการ์รับบทเพลย์เมกเกอร์ตรงกลางอยู่ข้างหลังหัวหอกตัวเป้าที่จะยังเป็นเฟรดเจ้าเก่า

เยอรมนี
ฟิลิปป์ม ลาห์มคงจะประจำการในตำแหน่งแบ็กขวาอีกครั้งในเกมนี้ ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ็กคงเป็นเจอโรม บัวเต็งกับมัตส์ ฮุมเมิลส์เหมือนกับนัดก่อนเช่นกัน โดยมีเบเนดิคท์ โฮเวเดสยืนแบ็กซ้าย และมานูเอล นอยเออร์ลงเฝ้าเสา ส่วนซามี่ เคดิร่ากับบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์จะจับคู่กันตรงกลางสนาม โดยมีโทนี่ โครสยืนสูงคอยปั้นเกม แต่การจัดแนวรุกยังต้องตัดสินใจว่าจะส่งใครลงสนามบ้าง โธมัส มุลเลอร์คงจะเป็นตัวยืนแน่นอน ในฐานะตัวรุกฝั่งขวาหรือเบอร์ 9 หลอก ขึ้นอยู่กับว่ามิโรสลาฟ โคลเซ่จะถูกส่งลงมายืนเป็นหัวหอกตัวเป้าด้วยหรือไม่ ส่วนตัวรุกริมเส้นที่เหลือ เมซุท โอซิลต้องลุ้นว่าจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้หรือไม่ หลังโดนวิจารณ์มาตลอดเรื่องฟอร์มที่ย่ำแย่ โดยมีอังเดร ชูร์เล, มาริโอ เกิทเซ่ หรือแม้แต่ลูคัส โพดอลสกี้ที่ลุ้นลงเล่นเช่นกัน

วิเคราะห์รูปเกม

บราซิลสถานการณ์ไม่ค่อยเป็นใจ เมื่อเสียสองตัวหลักในแนวรับและแนวรุกไปพร้อมกัน ในจังหวะที่ต้องมาเจอกับคู่แข่งสุดแกร่งอย่างเยอรมันในรอบตัดเชือกพอดี ทำให้เกมนี้คงกดดันพอสมควร เพราะต้องเล่นเอาใจกองเชียร์ในสนามแต่ก็จะผลีผลามบุกไม่ได้ เพราะอินทรีเหล็กมีมาตรฐานการเล่นที่ดี และไม่ใช่ทีมที่จะผ่านได้ง่าย ๆ แถมจังหวะเกมรุกก็พร้อมสร้างความปั่นป่วนให้แซมบาได้เช่นกัน เกมนี้คงจะเล่นกันแบบเกร็ง ๆ อยู่บ้าง และแนวรุกที่ไม่คอยเด็ดขาดของเจ้าภาพ ทำให้ไม่ง่ายที่จะคว้าชัยในนัดนี้ แถมถ้าแนวรับพลาดอาจโดนถึงแพ้ได้เลย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:

บราซิล (4-2-3-1): 12.ชูลิโอ เซซาร์; 23.ไมคอน 13.ดันเต้ 4.ดาวิด หลุยซ์ 6.มาร์เซโล่; 17.หลุยซ์ กุสตาโว 5.แฟร์นานดินโญ่; 7.ฮัลค์ 11.ออสการ์ 19.วิลเลี่ยน; 9.เฟรด

นักเตะติดโทษแบน: ติอาโก้ ซิลวา

โค้ช: หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่

เยอรมนี (4-2-3-1): 1.มานูเอล นอยเออร์; 16.ฟิลิปป์ ลาห์ม 20.เจอโรม บัวเต็ง 5.มัตส์ ฮุมเมิลส์ 4.เบเนดิคท์ โฮเวเดส; 6.ซามี่ เคดิร่า 7.บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์; 13.โธมัส มุลเลอร์ 18.โทนี่ โครส 9.อังเดร ชูร์เล; 11.มิโรสลาฟ โคลเซ่

โค้ช: โยอาคิม เลิฟ

ผลบอล: เสมอ 1-1

=====================================================

ภารกิจคืนความสุขให้คนในชาติ

การแข่งขันฟุตบอลโลก งวดเข้าไปทุกที เห็นหน้าค่าตากันไปแล้วสำหรับ 4 ว่าที่แชมป์โลก แน่นอนเจ้าภาพ บราซิล ยังสามารถตั้งความหวังจากการเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ได้ แต่นั่นจะลบความบอบช้ำของคนในประเทศได้หรือไม่

หากยังจำกันได้ ก่อน ฟุตบอลโลก 2014 จะเปิดฉาก มวลมหาประชาแซมบ้า เดินหน้าก่อหวอดประท้วงไปทั่วทุกหัวระแหง ต่อรัฐบาลที่พยายามจัดทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกด้วยงบ ประมาณมหาศาล ทั้งที่คนในประเทศยากจน ถึงขั้นไม่มีอันจะกิน คดีลักวิ่งชิงปล้นเกิดขึ้นวันละหลายสิบคดี ความเป็นอยู่หรือสาธารณูปโภคที่ดี เป็นสิ่งที่คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง หลายซอกหลืบของประเทศ ถูกความเป็นอยู่ระดับสลัมย้อมจนแทบมองไม่เห็นมุมอื่น แต่ผู้มีอำนาจปกครองประเทศก็ยังเอางบที่ควรมาจัดสรรปันส่วนบำรุงสังคม ไปจัดการแข่งขันที่ไม่มีทางทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ชาวบราซิลดีขึ้น
ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์เจ้าภาพต้องพบอุปสรรคมากมาย
การประท้วง ยกระดับจากการเดินขบวน ไปสู่การก่อนจลาจล แม้รัฐบาลจะสามารถระงับทุกเหตุความรุนแรงเอาไว้ได้ แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชาติ ก็ยังไม่เห็น “สุข” อยู่ตรงหน้าอยู่ดี ไม่ใช่แค่ประชาชน แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายคนก็ไม่พอใจเรื่องพวกนี้เช่นกัน เพราะมันส่งผลต่องานของตัวเองที่จะท่วมหัว แต่ค่าจ้างกลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนถึงขั้นประท้วงหยุดงานก็มีมาแล้ว นี่ยังไม่ได้รวมถึงการสร้างสนาม ที่เร่งมือสร้างด้วยแรงคนงานเยี่ยงทาส จนมีแรงงานเสียชีวิตไปหลายราย

แน่นอน การต่อต้านเพราะเป็นทุกข์ของประชาชนชาวบราซิล ไม่เป็นผล ฟุตบอลโลก 2014 ยังคงอุบัติขึ้นบนแดนกาแฟ พร้อมกับการที่ทีมชาติบ้านเกิดของพวกเขาจะลงเล่นในฐานะเต็ง 1 ของทัวร์นาเมนต์ ดังนั้นเมื่อหยุดให้เกิดไม่ได้ สิ่งต่อไปที่คนในประเทศจะทำต่อไปได้คือ สนุกและมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน เอนจอยกับ ฟุตบอล กีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศต่อไป พร้อมกับซึมซับบรรยากาศแห่งชัยชนะจากทีมที่ตัวเองเชียร์ในการแข่งขัน
สุดท้ายพอฟุตบอลโลกเริ่มขึ้นแฟนๆ แซมบ้าก็พร้อมจะสนับสนุนทีมของพวกเขา
ความสุขของการดูฟุตบอลของคนทั่วโลกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทีมที่ตัวเอง เชียร์ได้รับชัยชนะ กับคนบราซิลก็ไม่ต่างกัน ถึงตรงนี้ ตรงที่ ฟุตบอลโลก ที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ต้องการมันเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่จะเรียกรอยยิ้มเล็กๆ ให้เปื้อนไปถ้วนหน้ามวลมหาประชาแซมบ้า คือการเก็บชัยชนะได้ของทีมเจ้าภาพ ตอนนี้พลพรรค “เซเลเซา” ไม่ต่างจากทหารที่ออกรบในสมรภูมิ โดยมีความสงบกายสุขใจของคนในประเทศเป็นเดิมพัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เล็กจนสามารถแบกไว้บนบ่าของคนคนเดียวได้ ดังนั้น 23 นักเตะ กุนซือ และสต๊าฟฟ์โค้ชชุดนี้มีภารกิจร่วมกันคือการมอบความสุขเล็กๆ น้อยๆ กลับคืนสู่ประชาชนผู้ข้นแค้น และกำลังพยายามฉีกปากยิ้มทั้งที่กระเพาะกำลังส่งเสียงร้องเพราะไม่มีอะไร ยาไส้
ภารกิจยิ่งใหญ่นี้ทำให้พวกเขาต้องเสียสละอย่างยิ่งยวด นักเตะทุกคนพยายามเต็มที่เพื่อเก็บชนะในทุกนัดที่ลงทำการแข่งขัน แม้จะไม่ง่ายเหมือนที่หน้ากระดาษกะเก็งเอาไว้ก็ตาม ด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้พวกเขามาถึงรอบรองชนะเลิศได้แล้ว แต่นั่นก็ต้องแลกไปด้วยนักเตะตัวความหวังของคนทั้งชาติอย่าง เนย์มาร์ เสาหลักวัยเพียง 22 ปีที่พาเพื่อนพ้องน้องพี่ไปส่งไม่ถึงฝั่งฝัน เจ้าหนูใจแกร่งคนนี้เป็นความหวังของเพื่อนร่วมทีม เป็นความหวังคนทั้งประเทศ เป็นเจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ที่เคยเป็นของตำนานอย่าง เปเล่, ซิโก้, กาก้า หรือ ริวัลโด้ มาแล้ว แต่กลับได้รับบาดเจ็บในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถึงขั้นกระดูกสันหลังร้าว ต้องพักยาวไปตลอดทัวร์นาเมนต์แบบไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆ มายื้อทั้งสิ้น
แม้จะเพิ่งเสียคุณปู่ไปแต่มาร์เซลโล่ก้ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอจะสู้ต่อ
อีกหนึ่งคนที่โดนมรสุมชีวิตเล่นงานคือ มาร์เซโล ที่คุณปู่อันเป็นที่รักเพิ่งด่วนจากไป และเจ้าตัวได้รับอนุญาตให้ออกจากแคมป์ซ้อมไปอยู่กับครอบครัวในช่วงที่น่าสลด ช่วงหนึ่งของชีวิต แต่เขาปฏิเสธ งานนี้เพื่อชาติ เพื่อรอยยิ้มและความสุขของชาวบราซิลต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง อยู่ในแคมป์ซ้อมหนักกับเพื่อนร่วมทีมต่อไป เพื่อที่อย่างน้อยปู่บนสวรรค์คงดีใจถ้าหลานชายหัวแก้วหัวแหวนคว้าแชมป์โลก แล้วทำให้คนทั้งประเทศจมอยู่กับความปีติยินดีได้
แน่นอนภารกิจสำคัญนี้หยุดไม่ได้ เพราะมีคนมากมายอยู่เบื้องหลังรอความสำเร็จ แม้ทีมจะไม่มี เนย์มาร์ แต่สิ่งที่ดาวเตะจากสโมสร บาร์เซโลน่า ทำได้ในตอนนี้คือปลุกใจแข้งอีก 22 คนที่เหลือเพื่อให้จับมือ รวมหัวจิตหัวใจให้เป็นดวงเดียว ก้าวผ่านเกมอันยากลำบาก และท้าทายอย่างการพบกับเยอรมันแชมป์โลก 3 สมัยไปให้ได้ แม้จะไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เพราะนอกจากกองหน้าหมายเลข 10 คนนี้แล้ว “แซมบ้า” จะไม่มีกัปตันทีม ติอาโก้ ซิลวา เนื่องจากติดโทษแบนอีก ทีมชุดนี้พิกลพิการพอสมควร แต่นั่นจะเป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่ ที่จุดไฟความมุ่งมั่นของทุกคนให้ลุกโชนได้หรือไม่
อีก เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น ชาวบราซิลที่เคยทนทุกทรมาน เจ็บปวด ยากจน ด่าทอ ไร้ที่พึ่งไปเพราะการดื้ออยากจัดศึก ฟุตบอลโลก ของรัฐบาล ก็จะฉีกปากยิ้มได้อย่างเต็มใจ เมื่อประเทศของพวกเขาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ได้ ภารกิจคืนความสุขอันใหญ่หลวง ขึ้นอยู่กับนักเตะทัพ “แซมบ้า” ทุกคนแล้ว
ติดตามชมข่าว ตารางบอล ผลบอลโลก 2014 วิเคราะห์ผลบอล สดๆกันทุกเวลาได้ที่
=====================================================

จะคู่ไหน ก็ “น่าดู” ทั้งนั้น

รอบรองชนะเลิศ ของศึกเวิลด์คัพ 2014 ต้องถือเป็นหนแรก นับตั้งแต่ปี 1990 ที่ไม่มี “ม้ามืด” สอดแทรกเข้ามาเลย

โดยในเวิลด์คัพ ที่อิตาลี เมื่อปี 1990 เยอรมนีตะวันตก พบ อังกฤษ , อิตาลี เจอ อาร์เจนตินา คือคู่ต่อกรในรอบตัดเชือก ที่ดูสมน้ำสมเนื้อที่สุด

จากนั้นในปี 1994 มี บัลแกเรีย กับ สวีเดน เป็น 2 ม้ามืดที่สอดแทรกเข้ามาในรอบรองฯ , ปี 1998 ก็มีทีมตราหมากรุก “โครเอเชีย” หลุดเข้าถึงรอบ 4 ทีมแบบสุดเซอร์ไพรส์ , ในปี 2002 มี ตุรกี กับ เกาหลีใต้ เป็น 2 ม้ามืดที่เข้ามา , ปี 2006 เป็นทีมแดนขนมฝอยทอง “โปรตุเกส” ส่วนครั้งที่แล้ว (2010) เป็นทีมจอมโหด “อุรุกวัย” ที่เข้ารอบตัดเชือกแบบไม่เคยมีใครคาดมาก่อน

รอบ 4 ทีมสุดท้ายที่แดนแซมบาหนนี้ จึงถือว่าน่าดูชมเป็นอย่างยิ่้ง เพราะคู่ต่อสู้ในรอบตัดเชือก หรือจนกระทั่ง ต่างหลุดเข้าไปชิงชนะเลิศ จะถือเป็นการ “ล้างตา” กันของ “อดีตคู่อริ” ที่มีความเป็นมาน่าสนใจยิ่ง จากเวิลด์คัพ หลายสมัยที่ผ่านมา

การเจอกันในรอบตัดเชือก ระหว่าง บราซิล กับ เยอรมนี เป็นเสมือนเกม “ล้างตา” ของคู่ชิงฯ เมื่อปี 2002 ที่คราวนั้น เยอรมนี ต้องขาด มิชาเอล บัลลัค ซึ่งติดโทษแบนในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้พวกเขา ต้องพลาดท่าพ่ายต่อ บราซิล ในยุคของ “เหยินใหญ่” โรนัลโด้ ไป 0-2

ส่วนรอบตัดเชือกอีกคู่ ระหว่าง อาร์เจนตินา กับ เนเธอร์แลนด์ ก็เป็นการ “รีแมตช์” คู่ชิงชนะเลิศ เมื่อปี 1978 ซึ่งหนนั้น ทีมฟ้าขาว “อาร์เจนตินา” ในฐานะเจ้าภาพ ใช้ความได้เปรียบทุกอย่าง เอาชนะไป 3-1 ประตู ในเกมที่ทีมกังหันลม น่าจะเป็นผู้พิชิตไปแล้วในเวลาปกติ หากว่าลูกยิงระยะเผาขนของ ร็อบ เรนเซนบริงค์ จะไม่ไปชนเสา

ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าทีมใดจะหลุดเข้าชิงฯ ก็ล้วนแล้วแต่มีเรื่อง “ในอดีต” ที่ยัง “คาใจ” กันอยู่ ให้มาชำระสะสาง

หากทีม “แซมบา” บราซิล ทะลุเข้าไปเจอกับทีม “กังหันลม” เนเธอร์แลนด์ ก็จะเป็นการ “ล้างแค้น” ของบราซิล ที่โดนทีมกังหันลม เขี่ยตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อ 4 ปีก่อน

หากเป็น เยอรมนี ทะลุเข้าไปชิงดำกับ เนเธอร์แลนด์ ก็จะเป็น “รีแมตช์” นัดชิงฯ เวิลด์คัพ 1974 ที่หนนั้น ทีมกังหันลม ในยุคของ “นักเตะเทวดา” โยฮัน ครอยฟ์ ต้องเป็นฝ่ายเสียทีให้กับทีมอินทรีเหล็ก “เยอรมนีตะวันตก”  ในฐานะเจ้าภาพไป 1-2 ประตู

หากเป็น เยอรมนี ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศกับ อาร์เจนติน่า ก็จะกลายเป็นศึก “ล้างตา” ระหว่าง 2 ชาติที่ชิงดีชิงเด่นกันในช่วงปลายทศวรรษ 1980

รอบชิงชนะเลิศปี 1986 เยอรมนีตะวันตก พ่าย อาร์เจนตินา ในยุคของ ดิเอโก้ มาราโดน่า 2-3 ประตู แต่พวกเขาล้างแค้นทันควันใน 4 ปีต่อมา ด้วยการเฉือนทีมฟ้าขาว 1-0 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 อันเป็นสมัยล่าสุดที่พวกเขาทำได้

ทว่า! คู่ชิงชนะเลิศ ที่น่าจะเป็นคู่ซึ่งแฟน ๆ ทั่วโลก อยากจะเห็นมากที่สุด น่าจะเป็นการโคจรมาเจอกันระหว่าง บราซิล กับ อาร์เจนตินา

ทั้ง 2 ชาติ ถือเป็นคู่ปรับตลอดกาลในวงการลูกหนังระดับโลก บราซิล เคยมียุครุ่งเรือง ที่นำทัพโดย “ไข่มุกดำ” เปเล่ คว้าแชมป์โลก 3 สมัย ในช่วงปี 1958-1970 และจากนั้น ก็ยังคว้าได้อีก 2 สมัย เมื่อปี 1994 และ 2002

อาร์เจนตินา เคยคว้าแชมป์มาครอง 2 หน ในปี 1978 และ 1986 ซึ่งนานมากจนชาวอาร์เจนไตน์ อยากจะเห็นความสำเร็จเช่นนั้นอีกครั้ง

ที่น่าสนใจก็คือ ทั้งคู่ ยังไม่เคยเจอกันมาก่อน ในนัดชิงชนะเลิศบอลโลก

เวิลด์คัพ 1978 อาร์เจนตินา กับ บราซิล เจอกันในรอบสอง ซึ่งเล่นแบบแบ่งกลุ่ม ทั้งคู่ เสมอกันแบบโนสกอร์ 0-0 ก่อนที่ อาร์เจนตินา จะไปเอาชนะ เปรู ในแมตช์แห่งความ “อัปยศ” ที่ทีมฟ้าขาว ชนะไปแบบเหลือเชื่อถึง 6-0 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า บราซิล ซึ่งต้องลงสนามเจอกับ โปแลนด์  ก่อนหน้า

ปี 1982 ที่สเปน ทั้ง 2 ชาติ โคจรมาอยู่ร่วมกลุ่มกันอีกครั้งในรอบสอง บราซิล เอาชนะ อาร์เจนตินา ไป 3-1 ทว่าสุดท้าย ทีมแซมบา ก็ไม่อาจจะทะลุสู่รอบต่อไปได้ เมื่อโดนทีเด็ดของอิตาลี ที่ได้ เปาโล รอสซี่ ทำแฮทริก ส่งบราซิล ตกรอบไปด้วยสกอร์ 3-2

เวิลด์คัพ 1990 บราซิล ในยุคที่ว่ากันว่าขุมกำลังมิดฟิลด์ “ดีที่สุด” ในประวัติศาสตร์ ทั้ง ซิโก้ , โซคราติส และ ฟัลเกา กลับต้องเสียทีให้กับอาร์เจนตินา ที่มีเพียงแค่การจ่ายบอลสวย ๆ หนเดียวของ ดิเอโก้ มาราโดน่า เอาชนะไปแบบกองเชียร์แซมบาน้ำตาท่วมทั้งสนาม ในการเตะรอบ 8 ทีมสุดท้าย

จากนั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่ ไม่เคยได้เจอะเจอกันในรอบสุดท้ายเวิลด์คัพอีกเลย จนกระทั่งความน่าจะเป็นที่ “อาจจะ” ต้องเจอกันในนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 13 ก.ค. นี้นี่แหละ

หากถามผม บราซิล กับ อาร์เจนตินา คือคู่ชิงฯ “ในฝัน” ที่ผมฝันอยากจะเห็นมาตั้งนาน แต่พาลไม่เคยพบกันสักที จนกระทั่งหนนี้

อย่างไรก็ตามที ไม่ว่าคู่ชิงฯ เวิลด์คัพ 2014 จะเป็นคู่ไหน ใครเจอกับใคร ก็ต้องเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศที่ “น่าดูที่สุด” หนหนึ่งเลยทีเดียวเชียวแหละครับ


 

Comments

You are not authorized to see this part
Please, insert a valid App IDotherwise your plugin won't work.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

You may have missed

Plugin from the creators ofBrindes Personalizados :: More at PlulzWordpress Plugins