Tag Archives: ดูทีวีออนไลน์

ได้ฟินจิกหมอน! ฉากเด็ด ณเดชน์-ญาญ่า มอร์นิ่งคิส ใน รอยฝันตะวันเดือด ช่อง3

 

 ได้ฟินจิกหมอน! กับฉากเด็ดของ ณเดชน์-ญาญ่า มอร์นิ่งคิส ในเรื่อง 

โดยได้ทำเอาแฟนคลับชาวทีวีออนไลน์ แฟนละครลุ้นกันอยู่นานกับความรักของ ริว โอนิซึกะ แสดงโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ และ มายูมิ หรือ ญาญ่า อุรัสยา ที่แง่งอนไม่รู้ใจกันซะที จนตอนล่าสุดของละคร รอยฝันตะวันเดือด ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 10 กันยายน ก็มีฉากที่ มายูมิ ได้รู้ความจริงว่าตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ริวเฝ้ามองและดูแลเธออยู่ตลอด ทำให้มายูมิยอมเปิดใจให้ริว เป็นฉากที่ซึ้งกินใจคนดูฉากหนึ่งก็ว่าได้

สำหรับความฟินในตอนนี้ยังไม่หมด เมื่อปรับความเข้าใจกัน เรื่องดีๆก็มักจะเกิดขึ้นตามมา ฉากเด็ดสุดขีด จิ้น ฟินกระจาย ต้องยกนิ้วให้กับความขี้อ้อนของ ริว โอนิซึกะ ที่ชอบได้คืบจะเอาศอก ออดอ้อนมายูมิ อย่างน่ารักน่าเอ็นดู ปิดท้ายความหวานด้วยการขโมยจูบ มอร์นิ่งคิส เชื่อว่าแฟนๆที่ได้เห็นฉากนี้ แทบอยากจะร้องกรี๊ดกับความฟินอย่างแน่นอน ทางช่อง3

ใครที่ยังไม่ได้ดู อย่ารอช้า รีบเสพด่วนๆเลยจ้า

ริว – มายูมิ ละคร รอยฝันตะวันเดือด

ขอบคุณคลิปจาก mukdascubajam

ขอบคุณข้อมูลจาก >>>>>>  http://tv.sanook.com/

เมื่อไมเคิล ได้เล่นดราม่าเน้นซีนอารมณ์ และเข้าใจหัวอกลูกผู้ชาย ในฮอร์โมนฯ

เมื่อไมเคิล ได้เล่นดราม่าเน้นซีนอารมณ์

และเข้าใจหัวอกลูกผู้ชาย ในฮอร์โมนฯ

เข้าใจหัวอกลูกผู้ชาย ในฮอร์โมน ซีซั่น 2

โดยสำหรับดูทีวีออนไลน์เมื่อต้องมารับบทของ หมอก ในเรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น2 งานนี้ ไมเคิล-ศิรชัช เจียรถาวร ต้องทำการบ้านเตรียมการแสดงอย่างหนัก กับบทบาทของคนนิ่งๆที่มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึก โดยเฉพาะกับคนครอบครัว เรียกว่างานนี้ ไมเคิล ต้องงัดเอาความสามารถทางการแสดงออกมาใช้เต็มที่ โชคดีได้

  1. พี่ต้น แมคอินทอช
  2. จีน่า ณิชาภัทร
  3. แพทตี้ –อังศุมาลิน มาช่วยรับส่งอารมณ์

โดยที่ไมเคิล ได้กล่าวว่า “ในฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ตัวละครของหมอก พัฒนาบทมาจากตัวตนของผมเองด้วย ที่

ที่เห็นเป็นคนเงียบๆและไม่ค่อยสนิทกับพ่อมากเท่าไหร่ ซึ่งทำให้เข้าใจตัวละครนี้มากขึ้น เวลาเล่นก็เลยจะอินมากเป็นพิเศษ ตอนที่ได้อ่านบทครั้งแรก อ่านจบปุ๊บน้ำตาก็ไหลเลยครับ

ซึ่งบทนี้เป็นความท้าทายในชีวิตการแสดงอีกครั้ง เลยต้องเตรียมตัวและทำการบ้านอย่างหนัก เพราะมีซีนอารมณ์อยู่เยอะมาก อย่างเรื่องที่ไม่เข้าใจพ่อ สงสัยว่าทำไมพ่อมีพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิม ซึ่งพอมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมันกลายเป็นจุดพลิกผันในครอบครัวแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

อาจจะเรียกว่าซีซั่นนี้หมอกเจอความสัมพันธ์เรื่องครอบครัวไปแบบเต็มๆ เป็นโมเม้นท์ที่พลิกชีวิต และมีฉากดราม่าที่ต้องเน้นเรื่องอารมณ์อยู่หลายฉาก โดยเฉพาะตอนที่ต้องเข้าฉากกับพ่อที่แสดงโดยพี่ต้น แมคอินทอช ที่ต้องกลั้นความรู้สึกเอาไว้ข้างใน

โดยการที่ได้เล่นบทยากๆแบบนี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากๆสำหรับผม เพราะทำให้เข้าใจพ่อตัวเองมากขึ้น และเข้าใจหัวอกของลูกชายคนโตอย่างหมอก ซึ่งพี่ปิงผู้กำกับและพี่ๆทีมเขียนบทเคยบอกว่า ตั้งใจเขียนตอนนี้ออกมาบนความรู้สึกที่อยากเล่าเรื่องครอบครัวว่า พอลูกเข้าสู่การเป็นวัยรุ่นแล้ว จะสนิทกับพ่อแม่น้อยลง ซึ่งอยากเสนออีกมุมมองหนึ่งให้ทุกคนเห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายแล้วพ่อแม่คือคนที่รักเรามากที่สุดในชีวิต

ก็อยากจะฝากให้ติดตามตอนของหมอกกันเยอะๆนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับน้องๆวัยหัวเลี้ยวหัวต่อทุกคนครับ

โดยท่านสามารถติดตามชม ทีวีออนไลน์ ดูทีวี

ตัวอย่าง EP.8 ตอน หมอก

เพลงเพราะๆ จาก EP.7 ของขวัญ

เพลง ทะเลสีดำ

นางสาวยิ่งลักษณ์ข้องใจ! ทำไม ปปช.ต้องเร่งตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว

‘ยิ่งลักษณ์‘ ข้องใจ! ปปช.เร่งตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว

ดูทีวีออนไลน์ วันนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รร.เอส ซี ปาร์ค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทีมทนายความ ออกแถลงการณ์ขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าว โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ปปช. ไม่เป็นธรรมกรณีชี้มูลความผิดกรณีตั้งข้อสังเกตุ ป.ป.ช. เร่งตัดสินคดีดังกล่าว และเลือกฟังเฉพาะพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตน ไม่สอบสวนการลงบันทึกบัญชี

ในส่วนกรณีการเดินทางไปต่างประเทศนั้น ยืนยัน เป็นการเดินทางส่วนตัวและมีการกำหนดการชัดเจน ก่อนที่ปปช.จะชี้มูลความผิด

พร้อมกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวข้อความทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ดิฉันเป็นราษฎร์เต็มขั้นก็ควรจะมีเสรีภาพเยี่ยงคนไทยทั่วไปยืนยันไม่ทิ้งพี่น้องคนไทและ พร้อมกลับมาประเทศไทย

กราบเรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน จากกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ดิฉันว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา ดิฉันนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอเรียนว่า

1.กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นการพิจารณาที่ เร่งรีบ รวบรัด โดยแจ้งข้อกล่าวใช้เวลาเพียง แค่ 21 วัน และหลังจากนั้นก็ชี้มูลความผิดอาญาต่อดิฉัน ภายใน 140 วันซึ่ง ป.ป.ช.ไม่เคยปฏิบัติกับคดีอื่น ๆ ที่ดำเนินการกับนักการเมืองเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อดิฉัน เมื่อเทียบเคียงกับการดำเนินคดีกับการโครงการประกันราคาข้าว ที่ ป.ป.ช.ใช้เวลาในการดำเนินการนานไม่น้อยกว่า 4 ปี คดี ปรส ที่ล้าช้า . โครงการทุจริตโรงพักทั่วประเทศ ป.ป.ช. กลับไม่มีความคืบหน้า อันถือว่ามิได้มีบรรทัดฐานอย่างเดียวกัน

2. นอกจากนี้ ในการปฏิบัติ ของ ป.ป.ช. เมื่อเทียบกับคดีอื่น ๆ เห็นว่า คดีนี้มีพฤติการณ์ รวบรัด เป็นกรณีพิเศษดังนี้ เลือกรับฟังพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวดิฉัน ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ในการเสนอพยานบุคคลที่เป็นส่วนสาระสำคัญ ไม่รอผลการพิสูจน์เรื่องสต็อกข้าวให้เป็นที่สิ้นสุด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องสต็อกข้าว ทั้ง ๆ ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ไปร่วมสังเกตการณ์แล้ว ไม่ไต่สวนในข้อเท็จจริง กรณีการลงบันทึกบัญชีที่ข้อแย้งและแตกต่างกันของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี และ คณะกรรมการ กขช.ให้เป็นที่สิ้นสุด กรณีไม่พิจารณาการที่ดิฉันคัดค้าน นายวิชา รวม 3 ครั้ง

3.นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายระดับประเทศ นายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร เป็นเพียงผู้กำกับดูแลเท่านั้น ส่วนในระดับปฏิบัติการนั้นเป็นการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน แต่ในข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. กลับฟังความข้างเดียว ในขณะที่ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเห็นไม่ตรงกันในข้อเท็จจริง

4. นอกจากนี้การแถลงข่าวของ ป.ป.ช.ต่อสาธารณะที่ผ่านมา ยืนยันว่า คดีในเรื่องระบายข้าวไม่เกี่ยวข้องกับดิฉัน ทำให้ไม่ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาต่อสู้ และหักล้าง แต่ในข้อวินิจฉัยในการชี้มูลกลับนำ ข้อเท็จจริงในคดีระบายข้าวมาชี้มูลความผิดกับดิฉันด้วย

5. ที่ผ่านมาดิฉันพยายามชี้แจงและร้องขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวน และสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเป็นธรรม แต่ ป.ป.ช. ปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งที่ข้อเท็จจริงอีกหลายเรื่อง เช่น ข้าวเสื่อมสภาพและข้าวหาย หน่วยงานที่ควบคุมดูแล สต็อกข้าว ทั้งองค์การคลังสินค้า อ.ค.ส. และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร อ.ต.ก.ได้ทำสัญญาต่าง ๆกับเจ้าของคลังสินค้า และบริษัทประกัน รับผิดชอบค่าเสียหาย หากเกิดกรณีข้าวสูญหาย และการเสื่อมสภาพข้าวที่ผิดปกติธรรมชาติ ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องรัฐ มีความเสียหายจากข้าวหาย และข้าวเสื่อมคุณภาพ จึงเป็นการไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา

6. ขอตั้งข้อสังเกตว่า การกล่าวหาและการไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้นำพยานหลักฐานและไต่สวนพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อดิฉันและเลือกที่จะรับฟังพยานหลักฐานหรือไม่ ในขณะที่ดิฉันได้พยามเสนอพยานหลักฐานต่าง ๆแต่ ป.ป.ช.กลับละเลย และปฏิเสธที่จะไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง

7. ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ดิฉันจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะหนีคดีต่างๆนั้น ขอยืนยันว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางส่วนตัว และมีกำหนดการไปกลับที่ชัดเจนและมีการเตรียมการล่วงหน้า แล้วก่อนที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอย่างเร่งด่วน วันนี้ดิฉันเป็นราษฎรเต็มขั้นแล้วควรจะมีสิทธิเสรีภาพเยี่ยงประชาชนคนไทยทั่วไป ขอยืนยันว่า จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทย และพร้อมจะกลับมาสู่ประเทศไทย”

ผู้โดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวที่กำลังจะเดินทางไปร่วมการประชุมเอดส์นานาชาติครั้งที่ 20 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

มิเชล ซิดิเบ กรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจผ่านทวิตเตอร์ว่า “ขอแสดงความอาลัยและภาวนาแก่ครอบครัวของผู้ที่จากไป พร้อมเที่ยวบิน MH17 ผู้โดยสารส่วนใหญ่กำลังจะเดินทางมาร่วมประชุม AIDS 2014 ที่เมลเบิร์น”

นักวิจัยด้านโรคเอดส์ผู้มีชื่อเสียง และอดีตประธานสมาคมเอดส์สากล (International AIDS Society) เป็นหนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางมากับเที่ยวบินดังกล่าว ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะถูกยิงตกโดยขีปนาวุธชนิดจากพื้นดินสู่อากาศ ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 298 คน บนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด

“มีรายงานว่า อดีตประธานสมาคมเอดส์สากลที่โดยสารเครื่องบินลำนี้ได้เสียชีวิตพร้อมกับนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนที่จะเดินทางมาประชุมโรคเอดส์ นี่เป็นข่าวที่น่าเศร้าเสียใจยิ่ง” ข้อความในทวิตเตอร์ของกองทุนเนชันแนล เอดส์ ทรัสต์ ระบุ

ด้านสมาคมเอดส์สากลก็ออกมาแถลงยืนยันว่า “เพื่อนร่วมงานและมิตรสหายของเราหลายคน” กำลังเดินทางมาร่วมประชุมด้วยเที่ยวบิน

MH17 การประชุมเอดส์นานาชาติซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี ถือเป็นเวทีเสวนาสำหรับนักเคลื่อนไหวที่ต้องการเน้นย้ำปัญหาการแพร่กระจายของโรคเอดส์ในระดับรากหญ้า รวมถึงงบประมาณที่ยังขาดแคลน โดยมีกำหนดเปิดฉากขึ้นในวันที่ 20 ก.ค. นี้ และมีผู้ลงนามเข้าร่วมการประชุมราว 12,000 คน รวมถึงอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐฯ ติดตามชม ทีวีออนไลน์ ดูทีวี ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9

 

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแถลงเครื่องบินMH17 ตกในยูเครน

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซียแสดงความรู้สึกตกใจอย่างมากหลังทราบข่าวเครื่องบินโดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ ตกในยูเครน ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเครื่องบินถูกยิงด้วยขีปนาวุธ ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่อง 298 คนเสียชีวิตทั้งหมด นับเป็นโศกนาฎกรรมที่เกิดกับเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน หลังเครื่องบินMH370 ของสายการบินหายไปอย่างไร้รอ

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ซึ่งแต่งกายในชุดดำ มีสีหน้าที่เศร้าหมอง ขณะแถลงข่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์ถึงโศกนาฎกรรมที่เกิดกับเครื่องบินโดยสารMH17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ตกในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครน ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเครื่องบินถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธ ขณะที่ญาติผู้โดยสาร ซึ่งมารวมตัวกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ต่างก็อยู่ในอาการเศร้าสลดและร่ำไห้

นายกรัฐมนตรีราซัค กล่าวว่า รู้สึกตกใจอย่างมากหลังทราบข่าวและว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือวันที่เศร้าสลดและเป็นปีแห่งความสูญเสียของมาเลเซีย พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ได้ส่งทีมสืบสวนเดินทางไปที่ยูเครนแล้วเพื่่อหาสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรกับเครื่องบิน นายราซัคยังบอกอีกว่าได้โทรศัพท์สนทนากับประธานาธิบดีเปโตร โปโลเชนโก้ ผู้นำยูเครนเกี่ยวกับการสืบหาสาเหตุของโศกนาฎกรรม โดยนายโปโรเชนโก้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มที่และเป็นอิสระ นอกจากนี้นายโปโรเชนโก้ยังยืนยันด้วยว่า จะเจรจากับกลุ่มกบฎทางภาคตะวันออกเพื่อให้จัดตั้งพื้นที่เพื่อมนุษยธรรมในจุดที่เครื่องบินตกเพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ของยูเครนและมาเลเซียเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

นายราซัคยังกล่าวตอบข้อสงสัยที่ว่าเหตุใดเครื่องบินโดยสารจึงใช้เส้นทางการบินเหนือเขตพื้นที่สู้รบในยูเครน โดยระบุว่า เป็นเส้นทางการบินที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศประกาศว่าเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยและว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่ชี้ชัดได้ว่าเครื่องบินถูกยิงด้วยขีปนาวุธหรือไม่ ขณะที่สายการบินชั้นนำของโลกต่างประกาศหลีกเลี่ยงเส้นทางการบินทางภาคตะวันออกของยูเครน

ประโยคสุดท้าย หนุ่มโพสต์เฟซบุ๊กก่อน MH17 ถูกยิงตก

ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5จากกรณีเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ ของ สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 เส้นทางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ มุ่งหน้าสู่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประสบเหตุตกในประเทศยูเครน เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 298 คน ท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ และแนวทางการสืบสวนข้อเท็จจริง โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างแชร์ข้อความสุดท้ายของหนุ่มชาวดัตซ์ หนึ่งในผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH17

ภาพเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ที่ถูกโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของผู้ใช้ชื่อ “Cor Pan” ถูกแชร์ส่งต่อไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ซึ่งกลายเป็นภาพสุดท้ายที่หนุ่มชาวดัตซ์คนหนึ่งโพสต์เอาไว้ ก่อนขึ้นเครื่องบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยระบุข้อความเป็นภาษาดัตซ์ว่า “Mocht hij verdwijen ,zo ziet hit d’r uit” หรือแปลว่า “เผื่อเครื่องบินลำนี้หายไป จะได้รู้ว่ามันหน้าตาเป็นยังไง” ข่าว http://tv.sanook.com/

 

ลือสนั่น! MH17 ถูกยิงตก เหตุคล้ายเครื่องบิน ปธน.ปูติน

สำนักข่าวต่างประเทศยังคงเกาะติดรายงานสถานการณ์ เหตุเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 เส้นทาง กรุงอัมสเตอร์ดัม มายัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งถูกขีปนาวุธยิงระหว่างผ่านน่านฟ้าประเทศยูเครน จุดที่เกิดข้อพิพากแบ่งแยกดินแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซีย เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 298 คน ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น

จากรายงานที่มีการเผยแพร่ออกมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการยืนยันชัดเจนว่า มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ที่ประสบเหตุตกในประเทศยูเครนนั้น ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าเป็นการก่ออาชญากรรมครั้งร้ายแรง ซึ่งระบุว่าเป็นขีปนาวุธจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ยิงใส่เครื่องบินลำดังกล่าว ขณะกำลังบินอยู่ในระดับ 33,000 ฟุต เหนือน่านฟ้าประเทศยูเครน

ขณะที่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนโดเนตสค์ กลุ่มฝักใฝ่รัสเซีย ได้ออกมาปฏิเสธเป็นต้นเหตุทำให้ มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ประสบเหตุตกในประเทศยูเครน พร้อมกับกล่าวอ้างว่า ฝ่ายรัฐบาลยูเครนต่างหากที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งนี้ เนื่องจากขีปนาวุธที่เครื่องบินลำดังกล่าวถูกยิงใส่ คล้ายจะเป็นจรวดมิสไซล์ “BUK” ของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมีวิถีการยิงค่อนข้างไกล แตกต่างจากยุทโธปกรณ์ของกลุ่มกบฏ ที่ไม่มีอาวุธกำลังแรงสูงขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นกับ มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ยังคงเป็นปริศนา ประชาคมทั่วโลกต่างต้องการได้รับคำตอบที่แท้จริงว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกับเครื่องบินเชิงพาณิชย์ลำดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในแวดวงการบินของโลก

ทั้งนี้ยังเกิดข้อสันนิษฐานว่า มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 อาจจะเป็นแค่เหยื่อของความขัดแย้งระหว่างภูมิภาค มีการตั้งข้อสังเกตว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ ของ มาเลเซีย แอร์ไลน์ มีลักษณะคล้ายคลึงกับ เครื่องบินอิลยูชิน IL-96-300 พียู ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีรัสเซีย “วลาดิเมียร์ ปูติน” ไม่ว่าจะเป็นขนาดรูปร่างหรือแถบสีรอบตัวเครื่องบินมีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก

ดูทีวีรวบรวมข่าวเด็ดข่าวดังประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา

“แม่ชีเชอรี่“ น้ำตานองหน้า ยันลูกศิษย์ถวาย

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” รายงานว่า รับทราบจาก นายวรเดช กาญจนอโนทัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าม่วง อยู่บ้านเลขที่ 1142 หมู่ 4ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้จัดพิธีทำบุญพระสงฆ์ โดยได้นิมนต์พระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมพระลูกวัด รวม 6 รูป มาทำพิธีทางศาสนาเพื่อเป็นสิริมงคล โดยมีนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกูร หรือแม่ชีเชอรี่ รวมทั้งแม่ชีจากวัดถ้ำขวัญเมือง และอุบาสกอุบาสิกาจากจังหวัดชุมพร และใกล้เคียง ร่วมเดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย

ผู้สื่อข่าวทีวีออนไลน์ “ข่าวสด” รายงานว่า เมื่อไปถึงหน้าบ้าน พบมีรถยนต์ รถยนต์ตู้ รถยนต์กระบะ จอดอยู่ประมาณ 10 คัน เมื่อนายวรเดช เห็นผู้สื่อข่าวจึงเดินออกมาต้อนรับและพูดคุยด้วย แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปภายในบ้าน โดยระบุว่า พระครูสุธรรมวีราจารย์(พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าพบ ตนในฐานะเป็นลูกศิษย์จึงต้องทำตาม ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏตามข่าวเกี่ยวกับ แม่ชีเชอรี่ ที่พักอยู่ภายในบ้าน โดยนายวรเดชได้กล่าวว่า พระครู และแม่ชีเชอรี่ จะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตนเอง

นายวรเดช กล่าวถึงได้พูดคุยเกี่ยวกับกรณีของแม่ชีเชอรี่ว่า ภาพที่ปรากฏตามสื่อที่แม่ชีกำลังขับรถสปอร์ตปอร์เช่ รวมทั้งใช้กระเป๋าข้าวของเครื่องประดับยี่ห้อแบรนด์เนมราคาแพง และมีถ่ายภาพคู่กับกองเงินจำนวนมาก ที่จริงแล้วในวันนั้นเป็นวันทำบุญ โดยมีศิษยานุศิษย์ เดินทางนำเงินมาร่วมบริจาคทำบุญให้กับทางวัดเป็นจำนวนมาก หลังจากนับเงินเสร็จ จะต้องรีบนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคาร เนื่องจากที่วัดอยู่สายธรรมยุต จึงไม่สามารถเก็บเงินเอาไว้ที่วัดได้ ปกติจะมีลูกศิษย์ขับรถให้กับแม่ชี บังเอิญวันนั้นคนขับรถไม่อยู่ และทางวัดกำลังยุ่งมาก แม่ชีเชอรี่จึงตัดสินใจขับรถคันดังกล่าวเพื่อนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคารด้วยตนเอง และหลังจากนำเงินไปเข้าบัญชีแล้วเสร็จ แม่ชีก็ขับรถกลับมาอยู่ที่วัดตามเดิม โดยไม่ได้ไปไหน แต่มาภายหลังปรากฏว่ามีลูกศิษย์ที่อยู่ในวัด เชื่อว่าลูกศิษย์คนนั้นคงหวังทำลายชื่อเสียงของแม่ชีเชอรี่ จึงนำภาพที่ถ่ายเอาไว้นำไปเผยแพร่เพื่อทำลายชื่อเสียง และตนเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันอย่างแน่นอน

นายวรเดช กล่าวถึง รถยนต์สปอร์ตปอร์เช่ที่เห็นในภาพข่าว เป็นรถยนต์ของลูกศิษย์ที่ไปนั่งวิปัสนาภายในวัดอยู่เป็นประจำ แต่ละครั้งจะนั่งวิปัสสนาทั้งหมด7 วัน กฎระเบียบของวัดคือหากลูกศิษย์เข้าไปนั่งวิปัสนา ทุกคนจะต้องฝากกุญแจรถยนต์ทุกชนิด รวมทั้งโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดไว้กับแม่ชีที่อยู่ในวัดและไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ชีเชอรี่คนเดียว และด้วยความเคารพศรัทธาในตัวแม่ชีศิษย์จึงถวายรถคันดังกล่าวให้กับแม่ชี เพื่อนำไปใช้ในยามจำเป็นเพราะลูกศิษย์ที่มอบรถให้มีความเชื่อในตัวของแม่ชีว่า หากถวายรถให้จะทำให้กิจการหรือธุรกิจที่ครอบครัวทำอยู่จะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งขึ้น และทุกครั้งเวลาไปไหนมาไหน จะมีลูกศิษย์เป็นคนขับให้ทุกครั้งเมื่อยามเดินทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนภาพที่ออกไปสู่สาธารณะก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาลงโทษกันขนาดนี้

ฐานะทางบ้านของแม่ชีเชอรี่ เท่าที่ทราบเป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยพอสมควร มีกิจการขายเครื่องไฟฟ้า ญาติพี่น้องก็ทำงานมั่นคงทุกคน แต่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมีเงินเป็นร้อยล้านหรือพันล้านตามที่เป็นข่าว” นายวรเดช กล่าวและว่า ตนต้องการจัดพิธีทำบุญ จึงได้นิมนต์พระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ)เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง พร้อมพระลูกวัดรวม 6 รูป มาทำพิธีทางศาสนา หลังจากนั้นเมื่อเสร็จพิธีเจ้าอาวาสและพระลูกวัด รวมถึงแม่ชีก็เดินทางกลับวันนี้ ส่วนลูกศิษย์ที่มาร่วมทำบุญต่างเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี

ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. พระครูสุธรรมวีราจารย์ จัดแถลงว่า ตามที่มีภาพข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆในฐานะเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง อาตมามีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะรายละเอียดของข่าวที่เผยแพร่ออกไปสู่ประชาชน ทำให้วัดเสื่อมเสีย ส่วนประเด็นเกี่ยวกับรถยนต์สปอร์ตปอร์เช่ นั้นขอชี้แจงว่าไม่ใช่รถยนต์ของวัด รวมทั้งไม่ใช่รถยนต์ของแม่ชีเชอรี่ตามที่เป็นข่าวด้วย แต่เป็นรถของลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัด ซึ่งเจ้าของรถยนต์มีความเคารพและศรัทธาในตัวแม่ชี จึงนำรถยนต์ให้แม่ชีทดลองขับเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่รถและเจ้าของรถเองเท่านั้น ซึ่งเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวก็ได้มาร่วมแถลงข่าวด้วย

เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมืองระบุต่อว่า ส่วนประเด็นที่สงสัยว่าแม่ชีเชอรี่นำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือของใช้ราคาแพง อาตมาได้รับการรายงานว่า แม่ชีไม่ได้นำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือของใช้ราคาแพงส่วนตัวแต่อย่างใด ซึ่งกลุ่มลูกศิษย์ที่มีความเคารพและศรัทธาเป็นการส่วนตัวนำมาถวายให้กับแม่ชีใช้ ส่วนประเด็นการบริหารเงินของวัดนั้น ทางวัดได้มีคณะกรรมการในการบริหารจัดการเงินของวัด ซึ่งเงินที่ได้รับการบริจาคมานั้น ทางวัดจะนำไปฝากไว้ที่สถาบันการเงินตามบัญชีที่ผู้บริจาคประสงค์ทำบุญ ซึ่งในการเบิกจ่ายเงินนั้นจะต้องมีผู้มีอำนาจลงนาม 2 ใน 3 โดยลงนามร่วมกับเจ้าอาวาสเสมอ จึงจะสามารถเบิกจ่ายเงินจากธนาคารได้ ซึ่งทางวัดก็จะจัดทำงบการเงินส่งให้สำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดชุมพรเพื่อตรวจสอบทุกปีอยู่แล้ว

การที่แม่ชีเชอรรี่ขับรถและใช้กระเป๋าราคาแพงนั้น แม้การกระทำดังกล่าวจะไม่เป็นการกระทำที่ผิดศีลก็ตาม แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับสถานะภาพของนักบวช อาตมาก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว ซึ่งแม่ชีเชอรี่ก็รับปากว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก” พระครูสุธรรมวีราจารย์ กล่าว

ด้านนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกุล หรือแม่ชีเชอรี่ อายุ 42 ปี แถลงถึงข้อเท็จจริงพร้อมน้ำตานองหน้า โดยมีพระครูสุธรรมวีราจารย์ และศิษยานุศิษย์ ร่วมรับฟัง ว่าตนขอกราบประทานอภัยต่อเจ้าคุณพระสังฆาธิการทุกระดับชั้น พระครูสุธรรมวีราจารย์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดทุกจังหวัด ประธานสภาแม่ชีไทย ตลอดจนแม่ชีทุกท่าน ขอยืนยันว่าไม่เคยนำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือสิ่งของราคาแพงมาใช้เป็นการส่วนตัว กระเป๋าดังกล่าวมีลูกศิษย์ที่มีความเคารพและศรัทธานำมาถวายให้ทั้งสิ้น

“ขอกราบประทานอภัยต่อทุกท่าน ที่ฉันก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมขึ้น ขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา หรือสถาบันแม่ชีไทยเลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งฉันได้รับการตักเตือนจากเจ้าอาวาสและพระผู้ใหญ่ให้ทำการแก้ไขแล้ว ซึ่งต่อไปนี้ฉันจะใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติตนให้เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังที่ผ่านมาอีกต่อไป” แม่ชีเชอรี่กล่าว

ต่อมา แม่ชีเชอรี่ทำพิธีกราบไหว้ขอขมาโดยได้กราบและถวายพานพุ่มเพื่อเป็นการขอขมาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ร่วมในพิธีดังกล่าวด้วยอาการสงบ

ด้านนางสาวนวลวิรัช เครือบัว อายุ 33 ปี เจ้าของรถปอร์เช่ที่แม่ชีเชอรี่นำไปขับจนเกิดเรื่องใหญ่โต เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องรถว่า รถคันนี้เป็นของแฟนตนเองที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ตนได้เดินทางมาร่วมปฏิบัติธรรม ตนก็ทำตามความศรัทธาของตนที่เชื่อว่านำรถมาให้ทางวัดใช้แล้วจะได้บุญมากขึ้น จึงถือปฏิบัติเหมือนลูกศิษย์คนอื่นๆที่เขาก็เอามาจอดไว้ที่วัด โดยเมื่อเสร็จจากการนำมาให้วัดใช้ประมาณ 1 เดือนก็จะนำกลับไปใช้ทำธุรกิจเหมือนปกติ ไม่มีอะไร

ส่วนนางสาวศิรลักษณ์ เพ็ชรศิริ ชาวจันทบุรี และ นางสาวกุฑีรา สัตตะบงกช อดีตรองนางสาวไทย ได้เป็นตัวแทนลูกศิษย์เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนมว่า ที่มาของกระเป๋ามาจากการที่ลูกศิษย์ได้เดินทางไปต่างประเทศและได้รวบรวมเงินกันซื้อมาฝาก แม่ชีเชอรี่ เพราะทุกคนต่างเห็นว่าขณะเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดได้รับการดูแลและการชี้แนะรวมถึงข้อแนะนำในการวางตัวเพื่ออยู่ระเบียบของวัดที่พึงปฏิบัติดังนั้นเมื่อคณะลูกศิษย์ได้เดินทางไปต่างประเทศ พวกตนไปเที่ยวต่างประเทศเรื่องนึกถึงและซื้อกระเป๋ามาฝากแม่ชี ก็ไม่ทราบว่าและมีเจตนาให้เกิดเองทั้งหมดขึ้น พวกตนคิดแค่อยากซื้อมาฝากท่านก็เท่านั้น

ติดตามอัพเดทข่าวดูทีวี ดูทีวีออนไลน์ ช่อง 9 ช่อง 5 เพิ่มเติมได้ที่ http://tv.sanook.com/

========================================

คสช.เด้ง ‘พงศพัศ‘ พ้นตำแหน่งเลขาฯ ปปส.

ขอขอบคุณภาพจาก INN

ผู้สื่อข่าวช่อง 3, ช่อง 7รายงานว่า (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 20.45 น. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 84/2557 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้การปฏิบัติของส่วนราชการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังนี้

ข้อ 1.ให้กำหนดตำแหน่งผู้ตรวจราชการ เพิ่มขึ้นในสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน 1 ตำแหน่ง

ข้อ 2.ให้พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ ในสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามข้อ 1 เป็นพิเศษเฉพาะราย

ข้อ 3.ให้นายวิทยา สุริยะวงศ์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยสำนักงานกิจการยุติธรรม และให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์

ข้อ 4.ให้นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม

ข้อ 5.ให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และให้กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ข้อ 6.ให้นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต พ้นจากตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

ข้อ 7.ให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้น ปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป

ข้อ 8.ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วน โดยจัดให้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่งอยู่เดิม

ข้อ 9. เมื่อมีการจัดตั้งรัฐมนตรีแล้วให้นำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามคำสั่งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฏหมาย

ข้อ 10. เมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตามข้อ 2 แล้ว ให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นอันยกเลิก

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

========================================

ภาพร้านเหล้าเชียงใหม่จัดกิจกรรมให้คร่อมสาวเปลือยอก

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก สำนักข่าว CNX NEWS

ผู้สื่อข่าวทีวีออนไลน์ช่อง 5รายงานว่า (4 ก.ค.) ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ซึ่งได้จัดกิจกรรมซึ่งคาดว่าเป็นการส่งเสริมการขายของทางร้าน โดยมีหญิงสาวเปลือยกายท่อนบน ก่อนที่จะถูกชายที่คาดว่าเป็นลูกค้าของร้านคร่อมร่าง ขณะที่อีกภาพก็เป็นหญิงสาวคนดังกล่าว ยืนถือขวดสุราอยู่บนโต๊ะ ทั้งๆ ที่เปลือยท่อนบน และอีกภาพหญิงเปลือยอกยืนให้ชายหนุ่มเข้ามาลวนลาม โดยทุกภาพมีคนมากมายยืนอยู่รอบๆ แต่ไม่มีลักษณะห้ามปรามแต่อย่างใด

โดยมีข้อความว่า “ถ้าใครไม่ได้มาร้านนี้ ใน ค่ำคืนที่ผ่านมา ถือว่า พลาด !!! “ ซึ่งมีผู้เข้ามาให้ข้อมูลว่าร้านดังกล่าวตั้งอยู่ที่อำเภอหางดง ต่อมาภาพดังกล่าวถูกลบออกไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันชาวเชียงใหม่ที่เห็นภาพดังกล่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม

ล่าสุด พ.ต.อ.วุฒิไกร ฦาชา ผกก.สภ.หางดงฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ภาพการแสดงลามาอนาจารที่ร้านดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ถนนคันคลองชลประทาน หมู่ที่ 3 ต.หนองแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยจากการสอบถามทราบว่า นายอาร์ม อายุ 28 ปี เจ้าของร้าน ได้ว่าจ้างพริตตี้มา 3 คน ในราคา 500 บาท เพื่อเต้นโชว์แขกในร้าน เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะหญิงสาวในคลิปทราบชื่อเล่นว่า ตาล เมื่อถูกยุยงในขณะมึนเมา จึงเกิดความคึกคะนอง ได้ถอดเสื้อผ้า และเต้นโชว์ตามที่อยู่ในคลิป เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับนายอาร์ม ในข้อหา เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะเรียกบุคคลในคลิปมาดำเนินคดีในข้อหา กระทำการอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล โดยเปลือย หรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่นต่อไป

========================================

โจรขโมยชุดไทยนางไม้ ชาวบ้านผวาอาถรรพ์ ติดตามชมทีวีออนไลน์ได้ที่นี่

โจรขโมยชุดไทยนางไม้ ชาวบ้านผวาอาถรรพ์

ผู้สื่อทีวีออนไลน์ช่อง5ข่าวรายงานว่า (24 มิ.ย.) นายปรีชา พิพัฒน์ผล หัวหน้าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบจุดชุมชนพื้นที่บ้านบางเสร่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ ว่าในพื้นที่มีโจรชุกชุม ล่าสุดได้เข้าไปขโมยชุดไทยของนางไม้ จากต้นยางใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้าน ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนเส้นเลียบชายหาดบางเสร่ เป็นต้นยางขนาดใหญ่ อายุเก่าแก่ราว 60 ปี สูงประมาณ 30 เมตร ที่โค่นต้นมีชุดไทยโจงกระเบนสีชมพูแขวนอยู่ 3 ชุด แต่เหลือเพียง 1 ชุด ที่เหลือคนร้ายขโมยไป ทิ้งไว้เพียงไม้แขวนเสื้อหุ่น 2 อัน ไว้ให้ดูต่างหน้า

นายปรีชา กล่าวว่า ต้นยางนี้มีอายุ 50-60 ปี คนเฒ่าคนแก่มีความเชื่อว่ามีนางไม้สิงสถิตอยู่ มีชาวบ้านเคยพบเจอหญิงสาวสวมชุดไทยออกมาปรากฎตัวให้เห็น จึงทำให้มีผู้คนโดยเฉพาะนักเล่นหวยมาขอหวยเป็นจำนวนมาก และได้ตั้งศาลเพียงตาขึ้นเพื่อเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณ พร้อมนำชุดไทยมาถวาย ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จนมาถึงช่วงฟุตบอลโลก ที่เหล่ามิจฉาชีพออกลักทรัพย์เพื่อหาเงินใช้หนี้พนันบอล จึงส่งผลกระทบมาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนสักการะ ก็ถูกขโมยของด้วยเช่นกันเพื่อที่จะนำไปขายต่อ จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองสอดส่องดูแล และวิงวอนให้ผู้ที่นำไปนำมาคืน เพราะชาวบ้านผวาอาถรรพ์และหวั่นว่าจะมีสิ่งไม่ดีตามมา

ติดตามข่าว ดูทีวี ทีวีออนไลน์ ดูทีวีออนไลน์ ช่อง3 ช่อง5 ช่อง7 ช่อง9 ได้ที่

http://tv.sanook.com/ 

ทีวีออนไลน์ : ญาตินำศพนักโทษกระโดดศาล ขอความเป็นธรรม

ญาตินำศพนักโทษกระโดดศาล ขอความเป็นธรรม

ช่อง 9 ญาตินำศพนักโทษกระโดดศาล จนเสียชีวิต ขอความเป็นธรรม

ญาติของนักโทษคดียาเสพติดที่กระโดดจากอาคารศาลจังหวัดทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จนเสียชีวิต หลังถูกศาลตัดสินจำคุก 4 ปี และปรับเงิน 400,000 บาท เมื่อ 2 วันก่อน เข้าขอความเป็นธรรมกับกองทัพภาค 4 ให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง หลังญาติสงสัยว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่

ทีวีออนไลน์ ญาติของนายสุรชัย เจษฏารมย์ นักโทษคดียาเสพติดที่กระโดดจากอาคารศาลจังหวัดทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จนเสียชีวิตเมื่อ 2 วันก่อน หลังศาลได้ตัดสินจำคุก 4 ปี และปรับเงินอีก 400,000 บาท นำร่างของนายสุรชัย มาร้องขอความเป็นธรรมกับกองทัพภาคที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นได้นำศพผู้เสียชีวิตไปยังกองบังคับการตำรวจ จ.นครศรีธรรมราช ขอความเป็นธรรมอีกครั้ง

นางรัตนาพร เจษฎารมย์ พี่สาวของนายสุรชัย ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า การขอความเป็นธรรมครั้งนี้ เพื่อต้องการให้กองทัพภาค 4 และตำรวจรื้อคดีของน้องชายมาสอบสวนอีกครั้ง หลังน้องชายเล่าให้ฟังว่า ถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติดตั้งข้อหาโดยที่น้องชายไม่ได้เป็นผู้กระทำ และมีใช้พยานเท็จ จนนายสุรชัยต้องถูกจำคุก และฆ่าตัวตายในที่สุด

ติดตามข่าว ดูทีวี ทีวีออนไลน์ ดูทีวีออนไลน์ ช่อง3 ช่อง5 ช่อง7 ช่อง9 ได้ที่

http://tv.sanook.com/ 

โชคดีสุด ๆ ชาววังทอง จ.พิษณุโลก ถูกรางวัลที่ 1 กว่า 4 ราย ติดตามชม ดูทีวีออนไลน์ ได้เลย

ชาววังทอง จ.พิษณุโลก ถูกรางวัลที่ 1 กว่า 4 ราย

ทีวีออนไลน์เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนางจันทรา จันทร์สามเรือน อายุ 52 ปี และนางกาญจนา บุญเหม อายุ 33 ปี สองพี่น้องชาวบ้าน บ้านวังครุฑ ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ว่าถูกรางวัลสลากการกุศล ประจำงวดที่ 16 มิ.ย. 57 คนละ 1 ใบ รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท

สองพี่น้อง กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าก่อนที่จะประกาศรางวัล มีผู้ชายขี่รถจักรยานยนต์มาขายสลากให้ที่หน้าบ้านพัก ประกอบกับตั้งใจซื้อเลขที่มีผู้โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊คว่า “ในหลวงจะทรงมีพระชนมายุถึง 120 พรรษา” แต่คนขายไม่มีให้ มีเพียงเลขท้าย 920 เหลือเพียง 4 ใบ จึงซื้อไว้คนละใบ ในราคาใบละ 100 บาท และเมื่อกองสลากประกาศรางวัลที่ 1 ก็ตรงกับที่ซื้อไว้ สำหรับเงินที่ได้จะนำไปทำบุญและปลดเปลื้องหนี้สิน

ทีวีออนไลน์นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านบ้านวังทองที่โชคดีอีก คือ นางสุนทรี จันทร์น้อย อายุ 64 เป็นแม่ค้าขายกระทิ ถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เงินรางวัล 4 ล้านบาท นางสุนทรี กล่าวว่าก่อนซื้อสลาก ฝันว่าปู่ที่บวชเป็นพระ มาเดินบิณฑบาตและได้เดินตาม จากนั้นมีผู้หญิงนุ่งขาวห่มขาวมาบอกว่า ชีวิตลำบากมามากแล้วต่อไปนี้จะสบาย เมื่อถึงตอนเช้ามีคนมาขายสลากถึงหน้าบ้าน บอกว่าเหลือแค่ 4 ใบหมายเลขเดียวกันหมด ใบละ 100 บาท จึงซื้อไว้ 1 ใบ จากนั้นเมื่อประกาศรางวัลที่ 1 ก็พบว่าตรงกับสลากที่ซื้อมา ทั้งนี้ ตั้งใจไว้ว่าจะนำเงินที่ได้ไปทำบุญ และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปรักษาลูกที่ป่วยเป็นโรคไตรวมทั้งเป็นทุนการศึกษา ส่วนผู้ถูกรางวัลอีกคนหนึ่ง เป็นชาวบ้านในบ้านหัวกก ถูกฉลากชุดเดียวกัน แต่ไม่ได้มาแจ้งความเป็นหลักฐาน

ติดตามข่าว ดูทีวี ทีวีออนไลน์ ดูทีวีออนไลน์ ช่อง3 ช่อง5 ช่อง7 ช่อง9 ได้ที่

http://tv.sanook.com/ 

ดูทีวี : หึงโหด! พนักงานทีโอทีคว้าปืนยิงเมียดับก่อนยิงตัวตายตาม

หึงโหด! พนักงานทีโอทีคว้าปืนยิงเมียดับก่อนยิงตัวตายตาม

ทีวีออนไลน์ : เกิดเหตุสลดใจที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อสามีวัยเกือบ 50 ปี ใช้อาวุธปืนยิงภรรยาเสียชีวิต ก่อนยิงตัวตายตาม เพราะความหึงหวง เนื่องจากไม่พอใจที่ได้ยินภรรยาพูดคุยโทรศัพท์กับชายอื่น

เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับตำรวจภูธรบางบ่อ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมกันตรวจสภาพศพ นายสุทธิศิลป์ จันแดง อายุ 48 ปี และ นางเนาวรัตน์ จันแดง อายุ 31 ปี 2 สามีภรรยา หลังทั้งคู่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 57 หมู่ 8 ถนนเลียบคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ โดยเจ้าหน้าที่พบ อาวุธปืนแบบแมกกาซีน ขนาด 9 มม. พร้อมปลอกและกระสุนที่ถูกยิงแล้ว จึงรวบรวมไว้ พร้อมตรวจลายมือแฝงจากอาวุธ เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า สามีภรรยาคู่นี้อยู่กินกันมาราว 20 ปี มีบุตรชายด้วยกัน 2 คน โดยฝ่ายสามีเป็นพนักงานบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ประจำสาขาบางนา ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้าน โดยทั้ง 2 มักมีปากเสียงกันเป็นประจำ เนื่องจากภรรยาเป็นคนหน้าตาดี และมีอายุน้อยกว่าสามีถึง 17 ปี

ก่อนเกิดเหตุ ทั้ง 2 มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เพราะฝ่ายสามีไม่พอใจที่ภรรยาพูดคุยโทรศัพท์กับชายอื่น จากนั้นฝ่ายสามีก็วิ่งไปหยิบปืนขึ้นมาจ่อยิงภรรยา 1 นัด ก่อนจะใช้ปืนกระบอกเดียวกัน จ่อขมับยิงตัวเองตายตาม ลูก 2 คน ที่นอนอยู่ในห้องได้ยินเสียงปืน จึงออกมาดูก็พบว่าพ่อกับแม่ถูกยิง จึงวิ่งออกไปตามเพื่อนบ้านให้มาช่วยแต่ก็ไม่ทัน เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทั้ง 2 จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่า เกิดจากความหึงหวงของผู้เป็นสามีที่มีภรรยาหน้าตาดี รวมทั้งมีอายุห่างกันถึง 17 ปี จึงมักมีชายอื่นมาติดพันให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ตำรวจมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯนำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลแพทย์ตำรวจ เพื่อชันสูติโดยละเอียดอีกครั้ง

ติดตามข่าว ดูทีวี ทีวีออนไลน์ ดูทีวีออนไลน์ ช่อง3 ช่อง5 ช่อง7 ช่อง9 ได้ที่

http://tv.sanook.com/ 

ดูทีวีออนไลน์ : ยู่ยี่ อลิสา นอนคุก ลุ้นศาลให้ประกันตัวคดีนำเข้าโคเคน

ยู่ยี่ อลิสา นอนคุก ลุ้นศาลให้ประกันตัวคดีนำเข้าโคเคน

ดูทีวี : (13 มิ.ย.) ภายหลังจากเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ศาลอาญามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก นางชัชชญา เกวสต้า รามอส หรือ ยู่ยี่ อดีตนางแบบชื่อดัง ซึ่งเป็นจำเลย ในความผิดฐานนำเข้ามาในราชอาณาจักรและมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำสนามบินดอนเมืองตรวจค้น พบโคเคน จำนวน 251 มิลลิกรัม ในกระเป๋าเดินทางของ”ยู่ยี่”ขณะกลับเข้าประเทศ

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่ “ยู่ยี่” อ้างว่าได้รับหลอดช็อคโกแลตมาจากผู้โดยสารอื่นบนเครื่องบินขณะกลับจากประเทศเวียดนาม โดยไม่รู้ว่าข้างในมีโคเคนซุกซ่อนอยู่นั้น เห็นว่าเป็นไปได้ยาก ที่จะมีคนไม่รู้จักมามอบสิ่งของให้ พยานหลักฐานจำเลยจึงไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงมีคำพิพากษาว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติด ให้ลงโทษจำคุก 20 ปี ปรับ 2 ล้านบาท แต่ให้การเป็นประโยชน์มีเหตุบรรเทาโทษ 1ใน4 เหลือ จำคุก 15 ปี ปรับ 1 ล้าน 5 แสนบาท และ ให้บวกโทษในคดีลักลอบมีสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำพิพากษาจำคุก 3 เดือนก่อนหน้านี้ รวมโทษจำคุก 15 ปี 3 เดือน

ส่วนทางด้าน ทนายความของยู่ยี่ ได้ยื่นหลักทรัพย์เงินสดรวม 2,000,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ศาลอาญาได้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาจะอนุญาตต่อไป ทำให้ล่าสุดขณะนี้ “ยู่ยี่” ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน เพื่อรอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ อย่างช้าราวๆ ต้นสัปดาห์หน้า

ติดตามข่าว ดูทีวี ทีวีออนไลน์ ดูทีวีออนไลน์ ช่อง3 ช่อง5 ช่อง7 ช่อง9 ได้ที่

http://tv.sanook.com/ 

ดูทีวี : สลดเด็กหญิงถูกคนใกล้ชิดข่มขืนแรมปี ครูทนไม่ไหวพาแจ้งความ

สลดเด็กหญิงถูกคนใกล้ชิดข่มขืนแรมปี ครูทนไม่ไหวพาแจ้งความ

ทีวีออนไลน์ : อาจารย์แจ้งความหลังพบเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกข่มขืนตั้งแต่ปี 2556

รองผู้อำนวยการสถานศึกษาชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ลำปาง พา ด.ญ.เอ (นามสมมุติ ) นักเรียนชั้น ป.6 อายุ 12 ปี เข้าพบ พ.ต.ท.ทวี หมุดดี พนักงานสอบสวน สภ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลที่กระทำชำเราข่มขืน ด.ญ.เอ

โดยก่อนหน้านี้ครูประจำชั้นของ ด.ญ.เอ สังเกตเห็นว่า ด.ญ.เอ มีพฤติกรรมชอบเก็บตัวเงียบเหม่อลอย ไม่สดใสร่าเริงเหมือนเด็กในวัยเดียวกัน และจากการพูดคุยสอบถามทราบว่า ด.ญ.เอ ถูกบุคคลใกล้ตัวกระทำชำเราข่มขืน มาตั้งแต่ปี 2556 จำนวนหลายครั้งเรื่อยมา จนล่าสุดเพิ่งถูกข่มขืนอีกเมื่อสองวันที่ผ่านมา

ซึ่งจากการตรวจสอบของแพทย์พบว่าที่อวัยวะเพศของ ด.ญ.เอ มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ขณะที่ตำรวจทราบแล้วว่า ผู้ที่ล่วงละเมิด ด.ญ.เอ นั้นเป็นใคร อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน

ติดตามข่าว ดูทีวี ทีวีออนไลน์ ดูทีวีออนไลน์ ช่อง3 ช่อง5 ช่อง7 ช่อง9 ได้ที่

http://tv.sanook.com/